มาร์เกตวอตช์/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันขยับลงในวันศุกร์ (22 พ.ค.) จากความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน และเหตุกระทบกระทั่งรอบใหม่ระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่ง ปัจจัยนี้ดันทองคำพุ่งแรงและฉุดวอลล์สตรีทปิดผสมผสาน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ลดลง 67 เซ็นต์ ปิดที่ 33.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ลดลง 93 เซ็นต์ ปิดที่ 35.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านเศรษฐกิจของจีนในวันศุกร์ (22 พ.ค.) เผยว่าประเทศของเขาไม่ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตสำหรับปี 2020 โดยให้สัญญาว่าจะทุ่มงบประมาณมากขึ้นในความพยายามฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับความเสียหายจากไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
นอกจากนี้แล้ว นักลงทุนยังมีความกังวลว่าอาจเกิดสถานการณ์ความไม่สงบระลอกใหม่ในฮ่องกง หลังมีข่าวว่ารัฐบาลจีนกำลังพิจารณาออกกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับหนึ่ง ซึ่งอาจจำกัดความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านจีนแผ่นดินใหญ่ในฮ่องกง
โฆษกคณะกรรมาธิการถาวรสภาประชาชนแห่งชาติจีน แถลงว่า สภาประชาชนแห่งชาติจะพิจารณาออกกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ ที่เกี่ยวข้องกับเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง โดยการพิจารณากฎหมายดังกล่าวจะมีขึ้นในการประชุมประจำปีระหว่างวันที่ 22 ถึง 28 พฤษภาคม
กฎหมายฉบับนี้ ถูกมองเป็นเครื่องมือของรัฐบาลปักกิ่งในการควบคุมและจำกัดการเคลื่อนไหวใดๆในฮ่องกงที่เป็นการต่อต้านจีน ทั้งนี้มีความพยายามที่จะออกกฎหมายฉบับนี้มาเป็นเวลานานแล้ว แต่ต้องพบอุปสรรคจากการชุมนุมประท้วงต่อต้านจีนครั้งใหญ่ในฮ่องกงเมื่อปี 2019
การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ยังย้ำถึงความพยายามของจีนที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลไกการบังคับใช้กฎหมายในฮ่องกง เพื่อปราบปรามการกระทำใดๆ ที่รัฐบาลปักกิ่งมองว่าเป็นการล้มล้างจีน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันพฤหัสบดี (21พ.ค.) ว่า สหรัฐฯ จะตอบโต้อย่างหนักหน่วงต่อความเคลื่อนไหวดังกล่าว ในขณะที่โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เรียกร้องให้จีนเคารพอำนาจปกครองตนเองของฮ่องกง พร้อมเตือนว่าการเสนอออกกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อควบคุมเขตปกครองพิเศษแห่งนี้จะทำให้เกิดความไร้เสถียรภาพอย่างรุนแรง และเรียกเสียงประณามจากทั่วโลก
ความกังวลต่อความตึงเครียดรอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน กระตุ้นให้นักลงทุนหันไปถือโลหะมีค่า ซึ่งถูกมองในฐานะสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ และดันราคาทองคำในวันศุกร์ (22 พ.ค.) พุ่งแรง โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 13.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,735.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันศุกร์ (22 พ.ค.) ปิดผสมผสาน นักลงทุนชั่งน้ำหนักระหว่างความตึงเครียดจีน-อเมริกา กับอัตราการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากวิกฤตไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่
ดาวโจนส์ ลดลง 8.96 จุด (0.04 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 24,465.16 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 6.94 จุด (0.24 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,955.45 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 39.71 จุด (0.43 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 9,324.59 จุด
นอกเหนือจากคำขู่ของทรัมป์ต่อความเคลื่อนไหวจีนที่มีแผนออกกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ที่เกี่ยวข้องกับฮ่องกงแล้ว ในช่วงท้ายของการซื้อขายตลาดยังถูกฉุดจากคำแถลงของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯที่ขึ้นบัญชีดำบริษัทและสถาบันต่างๆ ของจีนเพิ่มเติมอีก 33 แห่ง ในรายชื่อละเมิดสิทธิมนุษยชน และก่อความกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ
ความตึงเครียดระหว่างวอชิงตันและปักกิ่ง ฉุดวอลล์สตรีทร่วงลงมาจากระดับสูงสุดในรอบหลายเดือน อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งสัปดาห์ดัชนีหลักทั้ง 3 ยังคงปรับขึ้นราวๆ 3% จากมุมมองในทางบวกว่าท้ายที่สุดแล้วโลกจะมีวัคซีนรักษาไวรัสโควิด-19 และประเทศต่างๆ เริ่มผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ที่กำหนดขึ้นมาเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด