เอเอฟพี - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะเดินทางเยือนโรงงานแห่งหนึ่งของฟอร์ด ในรัฐมิชิแกน รัฐที่มีความสำคัญในศึกเลือกตั้ง ในวันพฤหัสบดี (21 พ.ค.) เพื่อคุยโวในสิ่งที่เรียกว่าเป็นความสำเร็จของเขาในการต่อสู้กับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) จากการเปิดเผยของทำเนียบขาวในวันจันทร์ (18 พ.ค.)
ทรัมป์อยู่ในโหมดหาเสียงเต็มพิกัด และในการเดินทางออกจากกรุงวอชิงตันหนแรกในรอบหลายสัปดาห์ ในขณะเมืองหลวงอยู่ในภาวะล็อกดาวน์ ทรัมป์จะใช้โอกาสนี้เน้นย้ำคำอวดอ้างความเป็นผู้นำที่เข้มแข็งของตนเอง ในรัฐที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชัยชนะของเขาในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเดือนพฤศจิกายน
ทำเนียบขาวระบุว่า ประธานาธิบดีจะเดินทางเยี่ยมชมโรงงานผลิตรถยนต์ในเมืองรอว์สันวิลล์ ซึ่งถูกดัดแปลงเป็นโรงงานผลิตเครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์ด้านการแพทยอื่นๆระหว่างการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่
นอกจากนี้ เขาจะปราศรัยเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างฟอร์ด และ เจเนอรัล อิเล็กทริก โดยการเลือกพูดถึง 2 บริษัทนี้ ก็เพราะว่าทั้งสองบริษัทเป็นสัญลักษณ์ของกลไกอุตสาหกรรมที่ทรัมป์กำลังผลักดันให้กลับมาเดินเครื่องใหม่ หลังจากเศรษฐกิจต้องตกอยู่ในภาวะชัตดาวน์สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคม บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ เผยจะผลิตเครื่องช่วยหายใจ 50,000 เครื่อง ในช่วง 3 เดือนข้างหน้าที่โรงงานในรัฐมิชิแกน โดยร่วมมือกับบริษัท จีอี เฮลธ์แคร์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท เจเนอรัล อิเล็กทริก และหลังจากนั้น ทั้งสองบริษัทจะสามารถผลิตเครื่องช่วยหายใจ 30,000 เครื่องต่อเดือน เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19
แม้ถูกกล่าวหาอย่างกว้างขวางว่าเอาแน่เอานอนไม่ได้ และเป็นรัฐบาลกลางที่ไร้ความสามารถในการจัดการกับวิกฤตการแพร่ระบาด ทรัมป์ตอบโต้ด้วยการคุยโวว่าเขาทำงานได้อย่างไร้ที่ติ และหยิบยกประเด็นการออกคำสั่งฉุกเฉินผลิตเครื่องช่วยหายใจ เป็นหนึ่งในความสำเร็จที่เกิดจากภาวะผู้นำของเขา
“สืบเนื่องจากความเป็นผู้นำของประธานาธิบดี และความร่วมมืออย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนระหว่างบริษัทเหล่านี้กับรัฐบาลกลาง ในประเทศแห่งนี้ เครื่องช่วยหายใจจึงเพียงพอสำหรับทุกคนที่ต้องการ เหมือนกับประธานาธิบดีเคยพูดไว้ เราคือจ้าวแห่งเครื่องช่วยหายใจ และสืบเนื่องจากความร่วมมือต่างๆ เหล่านี้ ชีวิตอเมริกันชนจึงได้รับการปกป้อง”
จากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ พบจนถึงตอนนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในสหรัฐฯอยูที่เกือบ 1,500,000 คน และเสียชีวิตเกือบ 90,000 คน และแม้ผู้ติดเชื้อรายใหม่ ยังอยู่ในหลักหมื่นคน แต่หลายรัฐได้ทยอยเปิดเศรษฐกิจกันแล้ว