รอยเตอร์/mgronline - เดนมาร์ก ซึ่งเป็นประเทศแรกในยุโรปที่เริ่มเปิดเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไป รายงานมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เป็นศูนย์ในวันศุกร์ (15 พ.ค.) ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม สวนทางกับชาติเพื่อนบ้านอย่างสวีเดน ที่ใช้นโยบายภูมิคุ้มกันหมู่สู้การแพร่ระบาด ซึ่งยอดผู้เสียชีวิตสะสมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากคำแถลงของกระทรวงสาธารณสุขเดนมาร์ก ระบุว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่ม 78 คนในวันศุกร์ (15 พ.ค.) ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 10,791 คน ขณะที่จำนวนผู้ป่วยที่รักษาตัวในโรงพยาบาลลดลง 10 คน เหลือ 137 คน ส่วนยอดผู้เสียชีวิตยังเท่าเดิมที่ 537 คน
“วันนี้เป็นวันสำคัญ มันเป็นวันที่เรามีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เป็นศูนย์ในเดนมาร์ก” แมกนัส ฮิวนิเก รัฐมนตรีสาธารณสุขเดนมาร์กเขียนบนทวิตเตอร์
เมื่อวันอังคาร (12 พ.ค.) เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ระบุว่า ดูเหมือนเดนมาร์กไม่น่าจะต้องเผชิญกับระลอกใหม่ของการแพร่ระบาด ในขณะที่ประเทศแห่งนี้เข้าสู่ระยะที่ 2 ของการเปิดเศรษฐกิจ ซึ่งอนุญาตให้โรงเรียนสำหรับเด็กโตเปิดการเรียนการสอน ขณะที่ห้างสรรพสินค้าและร้านอาหารต่างๆ ก็กลับมาเปิดบริการ
แม้กลับมาเปิดเศรษฐกิจ แต่ข้อมูลพบว่าอัตราการแพร่เชื้อจากคนๆ หนึ่งสู่บุคคลอื่นๆ ในเดนมาร์กนั้น ลดลงเหลือ 0.7 จากระดับ 0.9 ในสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม
“มันสะท้อนความเป็นจริงที่ว่าโรคระบาดใหญ่กำลังเสื่อมถอยอย่างรวดเร็ว” คริสเตียน เวจเซ นักวิทยาศาสตร์ประจำแผนกโรคติดเชื้อแห่งมหาวิทยาลัยอาร์ฮุส กล่าว พร้อมระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำมาสักพักแล้ว และคาดหมายว่าจะมีตัวเลขผู้เสียชีวิตเป็นศูนย์อีกในหลายวันข้างหน้า
จนถึงตอนนี้ 83% ของบุคคลทั้งหมดที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิด-19 ในเดนมาร์ก หายป่วยแล้ว และหากพิจารณาข้อมูลของผู้เสียชีวิตจะพบว่าในบรรดาผู้เสียชีวิต 537 คน มีถึง 87% ที่มีอายุเกิน 70 ปี
สถานการณ์ในเดนมาร์กนั้น ดูจะสวนทางกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างสวีเดน โดยในวันศุกร์ (15 พ.ค.) สวีเดน พบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มอีก 117 คน ยอดผู้เสียชีวิตสะสมพุ่งเป็น 3,646 คน ในขณะที่ผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 29,207 คน หลังจากพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 625 คน
แม้ตัวเลขผู้เสียชีวิตของสวีเดนจะน้อยกว่าประเทศใหญ่ๆ ในอียูหลายชาติ แต่มากกว่าเดนมาร์กถึง 7 เท่า และมากกว่าประเทศอื่นๆ ในแถบนอร์ดิกราวๆ 10 เท่า
ประเทศแห่งนี้เป็นเพียงหนึ่งเดียวในยุโรปที่ไม่ใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดเป็นพิเศษอย่างที่พบเห็นกันในชาติอื่นๆ โดยสวีเดนพึ่งสามัญสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคมของประชาชนเป็นสำคัญ แต่มุ่งเน้นคุ้มครองประชากรกลุ่มเปราะบาง ในความพยายามยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
สวีเดนเลือกใช้ยุทธศาสตร์ “ภูมิคุ้มกันหมู่” อนุญาตให้โรงเรียนระดับประถมและมัธยมยังคงเปิดการเรียนการสอน ขณะที่ร้านค้าและร้านอาหารก็เปิดบริการภายใต้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมและสุขอนามัยที่ดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มาตรการเหล่านั้นล้วนอยู่บนพื้นฐานของความสมัครใจ เพียงแค่ขอความร่วมมือและไม่มีบทลงโทษแต่อย่างใด
เมื่อวันพุธ (13 พ.ค.) นายกรัฐมนตรี สเตฟาน ลอฟเวน แห่งสวีเดน ออกคำแนะนำคัดค้านสวมหน้ากากอนามัยป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เนื่องจากอาจทำให้ผู้คนคิดว่าตนเองปลอดภัยจากไวรัสแล้ว ทั้งที่ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ แนวคิดที่สะท้อนนโยบายของรัฐบาล ซึ่งไม่มีการล็อกดาวน์และปล่อยให้ประชาชนดำเนินชีวิตต่อไปในรูปแบบที่เทียบจะใกล้เคียงกับช่วงเวลาปกติ