รอยเตอร์/เอพี/เอเจนซีส์ – นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชินโซ อาเบะ แถลงยกเลิกการใช้มาตรการภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศเว้นแต่กรุงโตเกียว เมืองโอซาก้า โดยยกเลิก 39 จังหวัดจากทั้งหมด 47 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อทำให้วิกฤตเศรษฐกิจจากโรคระบาดสามารถฟื้นตัว ด้านคณะกรรมาธิการยุโรปสั่งระงับการส่งมอบหน้ากากอนามัยผลิตในจีนที่ไม่ได้มาตรฐานจำนวน 10 ล้านชิ้นหลัง 2 ชาติสมาชิกออกมาร้องเรียน
รอยเตอร์รายงานวันนี้(14 พ.ค)ว่า สำหรับกรุงโตเกียวจะยังคงใช้มาตรการประกาศภาวะฉุกเฉินต่อไปจนกว่าโรคโควิด-19จะสามารถควบคุมได้
โดยในวันพฤหัสบดี(14) นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชินโซ อาเบะ ออกคำสั่งยกเลิกครอบคลุม 39 จังหวัดจากทั้งหมด 47 จังหวัดทั่วประเทศ เว้นแต่กรุงโตเกียวและเมืองโอซาก้าที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ
“ในขณะที่การควบคุมการแพร่ระบาดให้ได้มากที่สุดด้วยการกระทำที่เสมือนว่าไวรัสกำลังอยู่รอบตัวเรา และเราในเวลานี้จะกลับคืนสู่ชีวิตการทำงานตามปกติและการใช้ชีวิตประจำวัน” อาเบะแถลง
รอยเตอร์รายงานว่า 39 จังหวัดที่ถูกสั่งยกเลิกคิดเป็นสัดส่วนประชากร 54% ของทั้งหมดทั่วประเทศ ขณะที่ภูมิภาคกรุงโตเกียวคิดเป็น 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจทั้งหมด
รัฐบาลญี่ปุ่นสัปดาห์นี้รายงานการตกลง 20% ของจำนวนผู้ที่เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลจากโรคโควิด-19ในระยะเวลา 9 วันจนถึงวันที่ 7 พ.คที่ 4,449 และที่กรุงโตเกียวเคสโควิด-19ตกลงไปเหลือแค่ 10 คนในวันพุธ(13) ญี่ปุ่นมีจำนวนผู้ติดเชื้อรวมอยู่ที่ 16,049 คน เสียชีวิต 678 คน
เอพีรายงานว่า คณะกรรมาธิการยุโรปออกคำสั่งยกเลิกการรับสินค้าหน้ากากอนามัยที่ไม่ได้มาตรฐานจากจีนจำนวน 10 ล้านชิ้นหลังได้รับการรายงานจาก 2 ชาติสมาชิก
โดยสเตฟาน เดอ เคียร์สเม็คเกอร์( Stefan De Keersmaecker)โฆษกด้านสาธารณสุขของคณะกรรมาธิการยุโรปแถลงว่า “เราจะดูว่ามีความเคลื่อนไหวใดที่จำเป็นหากว่ามีปัญหาด้านคุณภาพของหน้ากากอนามัยเหล่านี้”
อ้างอิงจากเคียร์สเม็คเกอร์พบว่า เนเธอร์แลนด์ได้ออกมาระบุถึงการพบปัญหาหน้ากากอนามัยจากจีน
ซึ่งสต็อกใหญ่หน้ากากอนามัยของสหภาพยุโรปถูกสั่งซื้อจากผู้ผลิตจีนเจ้าใหญ่ผ่านงบอียู และทางโฆษกด้านสาธารณสุขอียูกล่าวว่า หากจำเป็นทางสหภาพยุโรปจะดำเนินการทางกฎหมายจัดการ ทั้งนี้ก่อนหน้านายกรัฐมนตรีแคนาดา จัสติน ทรูโด ออกมาเตือนว่า แคนาดาจะไม่จ่ายสำหรับหน้ากากอนามัย N95 ที่ไม่ได้มาตรฐานจากจีน