เอเจนซีส์ - ยุโรปเดินหน้าผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ต่อเนื่อง ท่ามกลางข่าวร้ายจากสามประเทศใหญ่ อย่างบราซิล รัสเซีย และอเมริกา ขณะที่ฮ่องกงพบเคสใหม่ในท้องถิ่นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์ และจีนสั่งปิดเมืองจี๋หลิน หวั่นเป็นจุดเริ่มต้นการระบาดรอบสอง
วันพุธ (13) ออสเตรียประกาศเปิดพรมแดนติดกับเยอรมนี และเตรียมยกเลิกมาตรการชัตดาวน์ที่บังคับใช้มานาน 2 เดือน ด้านฝรั่งเศสเริ่มเปิดโรงเรียนประถมและสถานรับเลี้ยงเด็กช่วงกลางวัน
ส่วนอังกฤษอนุญาตให้ประชาชนออกกำลังกายนอกบ้านได้ แม้ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาทั่วโลกใกล้ถึงหลัก 300,000 คน
อเมริการายงานเมื่อวันอังคาร (12) ว่า มีผู้เสียชีวิต 1,894 คน ซึ่งถือว่า เพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากยอดผู้เสียชีวิตรายวันลดลงต่ำกว่า 1,000 คนในวันอาทิตย์และจันทร์ (10-11)
รัสเซียเริ่มผ่อนคลายมาตรการจำกัดเช่นเดียวกัน แม้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 242,000 คน มากที่สุดอันดับ 2 ของโลก รองจากอเมริกา อย่างไรก็ดี ในส่วนยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่เพียง 2,212 คน ถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับศูนย์กลางการระบาดแห่งอื่นๆ ในยุโรป โดยมีคำอธิบายว่า เนื่องมาจากการที่รัสเซียเรียนรู้บทเรียนจากยุโรปตะวันตก และเร่งกักตัวนักเดินทางและกลุ่มเสี่ยงอย่างรวดเร็ว รวมทั้งยังแปลงโรงพยาบาลหลายแห่งรองรับผู้ป่วยโควิด-19 และเริ่มการตรวจหาและกักตัวผู้ติดเชื้อในวงกว้าง
นอกจากพบผู้ติดเชื้อใหม่วันละกว่า 10,000 คนมาหนึ่งสัปดาห์เต็ม รัสเซียยังแถลงว่า ดมิตริ เพสคอฟ โฆษกประจำตัวของประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ติดเชื้อโควิด-19
ที่บราซิล ยอดผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันและรายงานเมื่อวันอังคารเพิ่มเป็น 177,589 คน แซงหน้าเยอรมนี ส่วนยอดผู้เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 12,400 คน ขณะที่ประธานาธิบ ดีฌาอีร์ โบลโซนารู กำลังบีบให้รัฐต่างๆ ปฏิบัติตามคำสั่งของตนในการอนุญาตให้สถานออกกำลังกายและร้านเสริมสวยเปิดดำเนินการอีกครั้ง
สำหรับที่อินเดีย นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 270,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่กิจกรรมเศรษฐกิจเดินเครื่องอีกครั้งหลังชัตดาวน์มานาน เช่นเดียวกับเครือข่ายรถไฟขนาดใหญ่ แม้ยอดผู้ติดเชื้อยังพุ่งทะยานก็ตาม
อินเดียบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์เข้มงวดกับประชากร 1,300 ล้านคน ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม ซึ่งทำให้รัฐบาลสามารถควบคุมการระบาดโดยมีผู้ติดเชื้อเพียง 70,000 คน และผู้เสียชีวิตประมาณ 2,300 คน
ขณะเดียวกัน ความหวาดผวาการระบาดรอบสองกำลังปกคลุมทั่วเอเชีย โดยสื่อของทางการจีนรายงานเมื่อวันอังคารว่า เมืองอู่ฮั่นซึ่งไวรัสโคโรนาอุบัติขึ้นครั้งแรกเมื่อปลายปีที่แล้ว มีแผนตรวจประชาชนทั้ง 11 ล้านคน หลังจากในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาพบการระบาดแบบกลุ่มก้อนครั้งแรกนับจากเปิดเมืองเมื่อวันที่ 8 เมษายน
นอกจากนั้น เมื่อวันพุธยังมีคำสั่งปิดพรมแดนเมืองจี๋หลิน เมืองใหญ่อันดับ 2 ของมณฑลชื่อเดียวกัน รวมทั้งระงับการให้บริการรถไฟ รถประจำทาง และอนุญาตให้เฉพาะผู้ที่มีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบในช่วง 48 ชั่วโมงล่าสุด ออกจากเมืองได้ อีกทั้งยังปิดโรงเรียน โรงภาพยนตร์ สถานออกกำลังกายในอาคาร อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ และสถานบันเทิงทันที ตลอดจนใช้มาตรการกักกันตัวเองอย่างเข้มงวดไม่มีกำหนด หลังพบการระบาดแบบกลุ่มก้อน
วันพุธ จีนพบผู้ติดเชื้อใหม่ 7 คน จากที่พบเพียง 1 คนในวันอังคาร โดย 6 คนอยู่ในมณฑลจี๋หลิน ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน และอีกคนพบในเซี่ยงไฮ้แต่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ
สำหรับผู้ติดเชื้อในมณฑลจี๋หลินนั้น ทั้ง 6 คนอยู่ในเมืองจี๋หลิน ที่มีประชากรกว่า 4 ล้านคน อย่างไรก็ดี 5 คนในจำนวนนี้เชื่อมโยงโดยตรงกับผู้ติดเชื้อคนหนึ่งในซูหลาน ที่ถูกปรับระดับความเสี่ยงจากปานกลางเป็นสูง และระงับการให้บริการระบบขนส่งสาธารณะเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน รัฐบาลฮ่องกงรายงานเมื่อวันพุธ ว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ 2 คน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์ และทั้งคู่ไม่เคยสัมผัสติดต่อกับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่กำลังรีบตามหาต้นทางการแพร่เชื้อครั้งนี้
นอกจากนั้น ฮ่องกงยังพบผู้ติดเชื้ออีกคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสม 1,051 คน และเสียชีวิต 4 คน
ฮ่องกงเป็นหนึ่งในดินแดนที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดมากที่สุดของโลก โดยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและถูกกักตัวทันที อย่างไรก็ดี การพบผู้ติดเชื้อใหม่ครั้งนี้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการแพร่เชื้อภายในท้องถิ่น
ฮ่องกงเพิ่งอนุญาตให้บาร์ สถานออกกำลังกาย และโรงภาพยนตร์ เปิดให้บริการอีกครั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และมีแผนเปิดโรงเรียนบางส่วนปลายเดือนนี้ แต่ยังห้ามทำกิจกรรมที่มีการรวมตัวเกิน 8 คน