เอเอฟพี - เมืองจี๋หลิน (Jilin) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ประกาศปิดพรมแดนและเส้นทางคมนาคมต่างๆ บางส่วน หลังพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นกลุ่มก้อนภายในท้องถิ่น ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลว่าเชื้อจะกลับมาแพร่ระบาดซ้ำสองในจีน
จี๋หลินซึ่งมีประชากรราว 4 ล้านคน ได้สั่งหยุดเดินรถประจำทางในวันนี้ (13 พ.ค.) และผู้ที่ประสงค์จะเดินทางออกจากเมือง ต้องมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบภายในเวลา 48 ชั่วโมงก่อนหน้า และผ่านการ “กักตัวอย่างเข้มงวด” มาแล้วชั่วระยะเวลาหนึ่ง
โรงภาพยนตร์, สถานออกกำลังกายในร่ม, อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ตลอดจนสถานบันเทิงต่างๆ ที่มีรั้วรอบขอบชิดได้รับคำสั่งให้ปิดทำการทันที ขณะที่ร้านขายยาทุกแห่งก็จะต้องรายงานการจำหน่ายยาลดไข้และยาต้านเชื้อไวรัสต่างๆ ให้ทางการทราบ
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พบการแพร่เชื้อแบบเป็นกลุ่มที่เขตซูหลาน (Shulan) ซึ่งเชื่อมโยงกับพนักงานซักรีดหญิงรายหนึ่ง ทำให้รองนายกเทศมนตรีเมืองจี๋หลินต้องออกมาเตือนวันนี้ (13) ว่า สถานการณ์ “เข้าขั้นร้ายแรงและซับซ้อน” และมีโอกาสที่เชื้อไวรัส “จะแพร่กระจายเป็นวงกว้าง”
จี๋หลินมีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่ 6 รายวันนี้ (13) ซึ่งล้วนเป็นกลุ่มผู้ป่วยในเขตซูหลานทั้งสิ้น และขณะนี้มีผู้ติดเชื้อที่เชื่อมโยงกับพนักงานซักรีดแล้วรวม 21 ราย
ระบบขนส่งมวลชนและรถไฟขาออกจากเขตซูหลาน ถูกระงับบริการตั้งแต่วันอาทิตย์ (10) และวันนี้ (13) เมืองจี๋หลินซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของมณฑลชื่อเดียวกันก็ได้หยุดเดินรถไฟตั้งแต่ช่วงเช้า ตามรายงานจากสถานีโทรทัศน์ CCTV
แม้จีนจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีความเสี่ยงเกิดการระบาดระลอก 2 เนื่องจากภาครัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และลดข้อจำกัดในการเดินทางเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกัน ที่เมืองอู่ฮั่นซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของโรคระบาดใหญ่โควิด-19 ก็พบผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่วันมานี้ หลังจากที่ยอดผู้ติดเชื้อรายวันลดลงเป็นศูนย์ต่อเนื่องนานหลายสัปดาห์ ทำให้ทางการมีแผนปูพรมตรวจประชากรทั้ง 11 ล้านคน เพื่อหยุดยั้งการระบาดระลอกใหม่