รอยเตอร์ - วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียในวันจันทร์ (11 พ.ค.) แถลงผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์สกัดการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) อย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนแซงหน้าอิตาลี ก้าวมาเป็นชาติที่มีผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลกเรียบร้อยแล้ว
ปูติน แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ระบุว่า นับตั้งแต่วันอังคาร (12 พ.ค.) เป็นต้นไป เขาจะเริ่มยกเลิกข้อจำกัดต่างๆ ที่บังคับให้ประชาชนจำนวนมากทำงานจากที่บ้านและภาคธุรกิจทั้งหลายต้องปิดทำการชั่วคราว
ประธานาธิบดีรัสเซียยังได้เปิดตัวมาตรการใหม่ๆ สำหรับสนับสนุนภาคธุรกิจและครอบครัวที่มีบุตรหลาน ซึ่งวิถีชีวิตของพวกเขาถูกทำลายย่อยยับ พร้อมยอมรับว่า จำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้น 2 เท่า เป็น 1.4 ล้านคน ในเวลาเพียงแค่เดือนเดียว และเขาต้องการหยุดไม่ให้ตัวเลขพุ่งสูงไปกว่านี้
ผู้นำรัสเซียเน้นย้ำว่า การยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์จะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป และแต่ละภูมิภาคในชาติซึ่งมีอาณาเขตใหญ่ที่สุดในโลก จำเปนต้องดัดแปลงแนวทางของตนเองให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของแต่ละท้องถิ่น ยกตัวอย่างเช่น ในกรุงมอสโก ซึ่งบอกว่าจะคงมาตรการล็อกดาวน์ไปจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม
กิจกรรมสาธารณะซึ่งมีผู้เข้าร่วมจำนวนมากยังคงถูกห้าม และชาวรัสเซียที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป จะถูกร้องขอให้อยู่แต่ในบ้าน แต่บางภาคส่วนของเศรษฐกิจ อย่างเช่นการก่อสร้างและเกษตรกรรมจะได้รับอนุญาตให้กลับมาทำงานอีกครั้ง
คำแถลงของปูติน มีขึ้นหลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ของรัสเซีย สร้างสถิติเป็นวันที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดนับตั้งแต่ที่มีการแพร่ระบาด โดยพบเพิ่ม 11,656 คน ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 221,344 คน ทำให้เวลานี้มีเพียงสหรัฐฯ, สเปน และสหราชอาณาจักรเท่านั้น ที่มีผู้ติดเชื้อมากกว่า
ศูนย์ตอบสนองวิกฤตโควิด-19 ของรัสเซีย ยังรายงานพบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 94 คน ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที 2,009 คน ซึ่งถือว่าต่ำมากหากเทียบกับอีกหลายประเทศ และมันได้สร้างความคลางแคลงใจแก่บรรดานักวิพากษ์วิจารณ์เครมลิน