ซีเอ็นเอ็น - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ยืนยันในวันศุกร์ (8 พ.ค.) ว่า เคที มิลเลอร์ เลขานุการฝ่ายสื่อมวลชนของรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากมีข่าวว่าหนึ่งในคณะทำงานของรองประธานาธิบดีมีผลตรวจออกมาเป็นบวก จนต้องให้บรรดาเจ้าหน้าที่ที่ทำงานใกล้ชิดกันลงจากเครื่องบินแอร์ฟอร์ซทู
“เคที เธอเป็นผู้หญิงอัศจรรย์ ผลตรวจโรคของเธอออกมาดีมาเป็นเวลานาน แต่ทันใดนั้นวันนี้เธอมีผลตรวจออกมาเป็นบวก” ทรัมป์กล่าวระหว่างพบปะกับบรรดาสมาชิกสภาคองเกรสจากรีพับลิกัน ที่ทำเนียบขาว พร้อมเผยว่า เขาและมิลเลอร์ ไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดกัน แต่ยอมรับว่า มิลเลอร์ เคยสัมผัสใกล้ชิดกับรองประธานาธิบดี เพนซ์
เจ้าหน้าที่รายหนึ่งเปิดเผยกับซีเอ็นเอ็นว่า มิลเลอร์ได้สัมผัสใกล้ชิดกับบรรดาสื่อมวลชนบ่อยครั้ง และเวลานี้ทำเนียบขาวตัดสินใจให้ดำเนินการเพิ่มการตรวจเชื้อโควิด-19 ในบรรดาผู้สื่อข่าวแล้ว
ทั้งนี้ เคที มิลเลอร์ แต่งงานกับ สเตเฟน มิลเลอร์ ที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดี ทรัมป์
คำแถลงนี้มีขึ้นหลังจากเที่ยวบินแอร์ฟอร์ซทูของเพนซ์ ในวันศุกร์ (8 พ.ค.) ต้องเดินทางล่าช้าราว 1 ชั่วโมง เพื่อให้คณะทำงานหลายคนลงจากเครื่องบิน ก่อนที่เครื่องจะออกเดินทางไปยังโอไฮโอ หลังพบว่าคณะทำงานใกล้ชิดของเพนซ์คนหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นยังไม่เปิดเผยชื่อว่าเป็น เคที มิลเลอร์ มีผลตรวจออกมาเป็นบวก
จากการตรวจสอบพบว่า เคที มิลเลอร์ ซึ่งไม่ได้อยู่บนเครื่องบิน ได้สัมผัสใกล้ชิดกับคณะทำงาน 6 คน ที่มีกำหนดร่วมเดินทางไปกับเครื่องบินของรองประธานาธิบดี และทั้งหมดถูกนำตัวลงจากเครื่องก่อนเทกออฟ
อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานในเวลาต่อมา ว่า ทุกคนที่ถูกสั่งให้ลงจากเครื่องบิน ได้เข้ารับการตรวจไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่และมีผลตรวจออกมาเป็นลบ
สื่อมวลชนท้องถิ่นรายงานว่า รองประธานาธิบดี และประธานาธิบดี ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับ เคที มิลเลอร์ มาหลายวันแล้ว และเจ้าหน้าที่บอกว่าเพนซ์เข้ารับการตรวจโควิด-19 หนสุดท้ายคือตอนเช้าวันศุกร์ (8 พ.ค.) และผลตรวจออกมาเป็นลบ
เหตุการณ์ในวันศุกร์ (8 พ.ค.) ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่ทำเนียบขาวออกมายืนยันว่าหนึ่งในคณะทำงานของเพนซ์มีผลตรวจโควิด-19 ออกมาเป็นบวก หลังจากหนแรกเกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม ขณะเดียวกัน มันยังเกิดขึ้นเพียง 1 วัน หลังจากสมาชิกกองทัพสหรัฐฯ ที่ทำงานในทำเนียบขาวละเป็นหนึ่งในทหารผู้ช่วยส่วนตัวของประธานาธิบดี ทรัมป์ ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
เพนซ์และทรัมป์ ปฏิเสธสวมหน้ากากมาตลอด แม้ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ได้ออกคำแนะนำระบุว่า การสวมหน้ากากปกปิดใบหน้าจะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยเฉพาะ ทรัมป์ นั้นไม่มีความคิดสวมหน้ากากแม้แต่น้อย โดยหลังจากซีดีซีออกคำแนะนำเรื่องหน้ากากได้ไม่นานในเดือนเมษายน ประธานาธิบดีรายนี้บอกว่า “ผมไม่คิดว่าผมจะใส่”
แนวคิดดังกล่าวดูจะไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย แม้เกิดกรณีผู้ติดเชื้อในคณะทำงานทำเนียบขาว โดยในวันศุกร์ (8 พ.ค.) ทรัมป์เดินทางไปร่วมพิธีรำลึกครบรอบวัน VE Day หรือวันแห่งชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตรเหนือกองทัพนาซีเยอรมนี พร้อมกับ เมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลข 1 และทั้งคู่ก็ไม่ได้สวมหน้ากากแต่อย่างใด
ส่วน เพนซ์ ถูกวิจารณ์อย่างหนัก จากกรณีที่เขาไม่สวมหน้ากากอนามัยระหว่างเดินทางเยี่ยมเยือนศูนย์การแพทย์เมโย คลินิก เมืองโรเชสเตอร์ รัฐมินนิโซตา เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดระเบียบปฏิบัติของศูนย์การแพทย์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกแห่งนี้ ต่อมา เพนซ์ ยอมรับว่า เขาควรสวมหน้ากาก แต่บอกว่าเขาไม่คิดว่ามันเป็นสิ่งจำเป็น เพราะเขาได้รับการตรวจเชื้อโควิด-19 อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว
ประธานาธิบดี ทรัมป์ ระบุในวันพฤหัสบดี (7 พ.ค.) ว่า เขาและเพนซ์ จะเริ่มตรวจเชื้อโควิด-19 ทุกๆ วัน ยกระดับจากตรวจสัปดาห์ละครั้งตามมาตรการของทำเนียบขาว เช่นเดียวกับคณะทำงานและบุคคลที่สัมผัสใกล้ชิดกับประธานาธิบดี และรองประธานาธิบดี ในขณะที่ปัจจุบันทำเนียบขาวมีการตรวจวัดอุณหภูมิผู้มาเยือน และตรวจเชื้อเจ้าหน้าที่ที่ทำงานใกล้ชิดกับประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีเป็นรายสัปดาห์