เอเอฟพี - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯในวันพุธ (6 พ.ค.) ยอมรับว่า โรคระบาดใหญ่โควิด-19 ส่งผลกระทบต่ออเมริการุนแรงกว่าเหตุโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือแม้แต่โศกนาฏกรรม 9/11 พร้อมปฏิเสธข่าวเตรียมยุบทีมเฉพาะกิจไวรัสโคโรนาของทำเนียบขาว และมุ่งหน้ารีสตาร์ทเศรษฐกิจ
“เรากำลังพานพบการโจมตีครั้งเลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประเทศของเรา มันเป็นการโจมตีครั้งเลวร้ายที่สุดที่เราเคยเผชิญจริงๆ” เขาบอกกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาว “มันเลวร้ายกว่าเพิร์ลฮาร์เบอร์ มันเลวร้ายกว่าเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์”
ยุทธการเพิร์ลฮาร์เบอร์ เป็นการโจมตีทางทหารอย่างน่าประหลาดใจของกองกำลังพิเศษทางอากาศแห่งกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นต่อฐานทัพเรือสหรัฐที่ท่าเพิร์ล ดินแดนฮาวาย ในปี 1941 ซึ่งกลายเป็นการลากอเมริกาเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2
ขณะที่เหตุโจมตีก่อการร้าย 11 กันยายน 2001 ซึ่งเข่นคร่าชีวิตผู้คนในสหรัฐฯราวๆ 3,000 คน ส่วนใหญ่อยู่ในตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในนิวยอร์ก มีชนวนเหตุมาจากสงครามต่างๆ ของสหรัฐฯ และปฏิบัติการต่อต้านก่อการร้ายในอิรัก, อัฟกานิสถาน และประเทศอื่นๆ
จนถึงตอนนี้มีอเมริกันชนแล้วกว่า 70,000 คน ที่ต้องสังเวยชีวิตระหว่างการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่ ที่มีอาการคล้ายไข้หวัด ในขณะที่มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเพื่อสกัดการแพร่ระบาด ได้ก่อความเสียหายอย่างรุนแรงแก่เศรษฐกิจสหรัฐฯ
เมื่อวันอังคาร (5 พ.ค.) ทรัมป์ ยืนยันเตรียมยุบทีมเฉพาะกิจไวรัสโคโรนาของทำเนียบขาว และมุ่งหน้ารีสตาร์ทเศรษฐกิจ แม้ยอมรับว่า การยกเลิกมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม อาจทำให้คนอเมริกันเสียชีวิตมากขึ้น อย่างไรก็ดี ในวันพุธ (6 พ.ค.) ดูเหมือนเขาจะกลับลำแผนที่แถลงก่อนหน้านี้
เดิมทีทำเนียบขาวบ่งชี้ว่า คณะทำงานระดับสูงอาจถูกยุบราวๆ ช่วงต้นเดือนมิถุนายน ขณะที่ทรัมป์ส่งสัญญาณว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะเบนเข็มจากวิกฤตด้านสาธารณสุขและมุ่งหน้าสู่การเปิดเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ทวีตข้อความเป็นชุดๆ ในวันพุธ (6 พ.ค.) ระหว่างคณะทำงานเฉพาะกิจไวรัสโคโรนาประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง และ “จะเดินหน้าต่อไปอย่างไม่มีกำหนด พร้อมกับเป้าหมายเปิดประเทศของเราอีกครั้งอย่างปลอดภัย”
กระนั้นด้วยที่ประธานาธิบดีรายนี้บอกว่า เขาอาจจะ “เพิ่มหรือลดคน” ในคณะทำงานชุดนี้ บ่งชี้ว่าสถานการณ์ยังคงไม่นิ่ง