เอเอฟพี - กองทัพเรือสหรัฐฯ ส่งเรือ 4 ลำ ไปปฏิบัติภารกิจด้านความมั่นคงในแถบวงกลมอาร์กติกที่ทะเลแบเรนต์ส (Barents Sea) ทางตอนเหนือของรัสเซีย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่จีนและรัสเซียยังคงเดินหน้าท้าทายสหรัฐฯ ด้วยการเสริมเขี้ยวเล็บ ทั้งทางอากาศและทางเรือ แม้โลกกำลังเผชิญวิกฤตการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
เรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถี 3 ลำ, เรือสนับสนุน 1 ลำ และเรือฟริเกตจากราชนาวีอังกฤษอีก 1 ลำ ได้ร่วมกันปฏิบัติภารกิจในน่านน้ำอาร์กติก “เพื่อสำแดงเสรีภาพในการเดินเรือ และแสดงให้เห็นถึงบูรณภาพที่ไร้รอยต่อระหว่างชาติพันธมิตร” กองทัพเรือสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลงวานนี้ (4 พ.ค.)
สหรัฐอเมริกาไม่ได้ส่งเรือผิวน้ำเข้าไปยังทะเลแบเรนต์สมาตั้งแต่กลางทศวรรษ 1980
กองทัพเรือสหรัฐฯ ยืนยันความจำเป็นที่จะต้องฝึกกองกำลังทางเรือให้มีความคุ้นเคยกับภูมิประเทศแถบนี้
“ในห้วงเวลาที่ท้าทายเช่นนี้ การปฏิบัติภารกิจให้ทั่วน่านน้ำยุโรปอย่างสม่ำเสมอ มีความจำเป็นยิ่งกว่าเดิม ขณะเดียวกัน เราก็ต้องมีมาตรการปกป้องสุขภาพของทหารด้วย” พล.ร.ท.หญิง ลิซา ฟรานเชตติ ระบุ
ทั้งนี้ กองทัพเรือสหรัฐฯ ได้แจ้งเตือนไปยังรัสเซียล่วงหน้าเพื่อป้องกันเหตุกระทบกระทั่ง
ภารกิจด้านความมั่นคงในทะเลแบเรนต์สมีขึ้นเพียง 1 สัปดาห์ หลังจากที่สหรัฐฯ ได้ส่งเรือไป “สำแดงเสรีภาพ” ใกล้ๆ หมู่เกาะในทะเลจีนใต้ ซึ่งจีนอ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อนกับหลายประเทศในอาเซียน
มาร์ก เอสเปอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันจันทร์ (4) ว่า จีน “แสดงพฤติกรรมยั่วยุเกินไปในภูมิภาคนี้” ซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ขณะที่กองทัพอากาศรัสเซียก็พยายามเข้ามาสำรวจน่านฟ้าสหรัฐฯ ในแถบอาร์กติกและบริเวณรัฐอะแลสกาหลายครั้ง
เอสเปอร์ ยืนยันว่า สหรัฐฯ ได้ยกระดับกิจกรรมทั้งทางอากาศ, เหนือผิวน้ำ และใต้ผิวน้ำในเอเชีย เพื่อสำแดงถึงบทบาทของสหรัฐฯ และปฏิบัติภารกิจด้านการสอดแนม
“เราต้องมั่นใจได้ว่า กฎหมายทะเลและกฎหมายระหว่างประเทศซึ่งทำให้เราสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขมาหลายสิบปีจะได้รับการปกป้อง” เอสเปอร์ กล่าว