มาร์เกตวอตช์/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันขยับขึ้นไม่หยุดในวันจันทร์ (4 พ.ค.) หลังบรรดาบริษัทต่างๆ ของสหรัฐฯ ประกาศลดกำลังผลิตโดยสมัครใจท่ามกลางอุปสงค์ที่อ่อนแอ และความตึงเครียดระหว่างอเมริกากับจีน ปัจจัยหลังนี้ดันทองคำพุ่งแรง ขณะที่วอลล์สตรีทปิดบวก ได้แรงหนุนจากกรณีรัฐต่างๆ เคลื่อนไหวกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 61 เซ็นต์ ปิดที่ 20.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 76 เซ็นต์ ปิดที่ 27.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ในขณะที่เหล่าบริษัทผู้ผลิตน้ำน้ำมันในสหรัฐฯ เคลื่อนไหวลดกำลังผลิตตอบสนองต่ออุปสงค์ที่ลดต่ำลง ข้อมูลจากเบเกอร์ ฮิวจ์ส ให้บริการทางพลังงานที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (1 พ.ค.) พบว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ มีการเปิดปฏิบัติการลดลง 7 สัปดาห์ติดต่อกัน
นอกจากนี้แล้ว นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะตอบโต้จีน ต่อแนวทางรับมือกับการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) แนวโน้มที่อาจกัดเซาะอุปสงค์ทางพลังงานเพิ่มเติม ในช่วงเวลาที่อุปทานก็ล้นตลาดอย่างมหาศาลอยู่ก่อนแล้ว
เมื่อวันอาทิตย์ (3 พ.ค.) ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับรายการ “ดีส วิค” ของสำนักข่าวเอบีซีว่า “เขาเห็นหลักฐานมากมายว่าไวรัสมีแหล่งกำเนิดในห้องปฏิบัติการหนึ่งในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ส่วนประธานาธิบดีโดนัลด ทรัมป์ แสดงความคิดเห็นกับฟ็อกซ์ บิสิเนส เชื่อว่าจีนทำผิดพลาดปล่อยไวรัสหลุดออกมา แต่ไม่อยากยอมรับ
ความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดที่ลุกลามบานปลายระหว่างสหรัฐฯกับจีนเกี่ยวกับวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ช่วยดันราคาทองคำ ในฐานะสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ ปิดบวกแรงในวันจันทร์ (4 พ.ค.) โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 12.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,713.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (4 พ.ค.) ปรับขึ้นเล็กน้อย แกว่งตัวจากแดนลบในช่วงต้นตามแรงฉุดของหุ้นกลุ่มสายการบิน ได้แรงหนุนจากความเคลื่อนไหวของรัฐฟลอริดา ซึ่งกลายเป็นรัฐล่าสุดของอเมริกาที่กลับมาเปิดเศรษฐกิจ
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 26.07 จุด (0.11 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 23,749.76 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 12.03 จุด (0.42 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,842.74 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 105.77 จุด (1.23 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 8,710.72 จุด
นักลงทุนได้ปัจจัยหนุนจากความเคลื่อนไหวของรัฐใหญ่ๆหลายแห่งที่กลับมาเปิดเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป หลังล็อกดาวน์สกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ภายใต้คำแนะนำเว้นระยะห่างทางสังคม ยกระดับด้านสุขอนามัยและบังคับสวมหน้ากากตามห้างร้านต่างๆ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวช่วยกลบกระแสความกังวลที่มีต่อภาคธุรกิจการบิน โดยสายการบินหลักๆ ในนั้นรวมถึงเดลต้า แอร์ไลน์ส และยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส ต่างปิดลบอย่างน้อย 5% หลัง วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีนักลงทุนและประธานกลุ่มบริษัทโฮลดิ้งข้ามชาติ “เบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์” ไดด้ขายหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมการบินทั้งหมด เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสายการบินทั่วโลก
