เอเจนซีส์ – รัฐบาลอัฟกานิสถานเปิดการสอบสวนกรณีกองกำลังป้องกันชายแดนอิหร่านถูกกล่าวหาว่าทรมานและขับไล่ผู้อพยพชาวอัฟกันลงไปในแม่น้ำที่กั้นพรมแดน จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและสูญหายจำนวนมาก
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า เหตุสลดดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (1 พ.ค.) ระหว่างที่ผู้อพยพชาวอัฟกันสิบกว่ารายกำลังลักลอบข้ามพรมแดนไปยังอิหร่านผ่านทางจังหวัดเฮรัต (Herat)
คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนอัฟกันซึ่งส่งเจ้าหน้าที่ไปพูดคุยกับผู้รอดชีวิตระบุวานนี้ (3) ว่า ผู้อพยพต่างยืนยันว่าถูกทหารอิหร่านทุบตีและทรมาน
“พวกเขาถูกบังคับให้ข้ามแม่น้ำฮารีรุด (Harirud) หลายคนจมน้ำตาย และบางส่วนรอดชีวิต”
รัฐบาลอัฟกานิสถานยืนยันเมื่อวันเสาร์ (2) ว่า กระทรวงการต่างประเทศกำลังสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เจ้าหน้าที่อัฟกันผู้ไม่ประสงค์ออกนามให้ข้อมูลกับเอเอฟพีว่า มีผู้อพยพเสียชีวิตอย่างน้อย 7 ราย และสูญหายอีก 30 ราย ขณะที่รอยเตอร์อ้างข้อมูลจากทางการจังหวัดเฮรัตซึ่งระบุว่ามีการพบศพผู้อพยพแล้ว 12 ราย และยังเหลือสูญหายอีกอย่างน้อย 8 ราย
สถานกงสุลอิหร่านประจำจังหวัดเฮรัตออกมาปฏิเสธรายงานเหล่านี้ โดยยืนยันว่าไม่มีพลเมืองอัฟกันถูกจับกุมบริเวณชายแดน
ด้านกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านออกคำชี้แจงในวันอาทิตย์ (3) ว่า “เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเขตแดนอัฟกานิสถาน กองกำลังป้องกันชายแดนอิหร่านขอยืนยันว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นในดินแดนของเรา” ซึ่งตอนนี้อิหร่านกำลังประสานไปยังเจ้าหน้าที่อัฟกันเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง
ปัจจุบันมีผู้ลี้ภัยชาวอัฟกันอาศัยและทำงานอยู่ในอิหร่านประมาณ 1.5-3 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้แรงงานหรือกรรมกรก่อสร้าง
การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในอิหร่านส่งผลให้ชาวอัฟกันหลายหมื่นคนตัดสินใจข้ามแดนกลับมายังบ้านเกิด แต่เนื่องจากเวลานี้รัฐบาลเตหะรานเริ่มผ่อนคลายข้อจำกัดต่างๆ ลง ผู้อพยพส่วนใหญ่จึงต้องการข้ามกลับไปทำมาหากินเหมือนเก่า