เอเอฟพี/มาร์เกตวอตช์ - ราคาน้ำมันสัญญาสหรัฐฯ ดิ่งลงแรงในวันจันทร์ (27 เม.ย.) หลังมีความกังวลรอบใหม่เกี่ยวกับภาวะขาดแคลนสถานที่กักเก็บปิโตรเลียมท่ามกลางอุปทานล้นตลาด ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวกแข็งแกร่ง หลังหลายชาติรวมถึงอเมริกาเริ่มกลับมาเปิดเศรษฐกิจ ในขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ค่อยๆทุเลาลง ปัจจัยดังกล่าวฉุดทองคำปรับลด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือ ไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 4.16 ดอลลาร์ ปิดที่ 12.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 1.45 ดอลลาร์ ปิดที่ 19.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตลาดน้ำมันพังครืนลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังอุปสงค์เหือดหายสืบเนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์และจำกัดการเดินทางทั่วโลก ในความพยายามสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่
สัปดาห์ที่แล้ว ราคาน้ำมันสัญญาสหรัฐฯ ลดต่ำกว่าศูนย์ดอลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ในขณะที่เทรดเดอร์ตัดสินใจกระหน่ำเทขายออกมาก่อนสัญญาล่วงหน้าเดือนพฤษภาคม จะสิ้นสุดช่วงการซื้อขายและต้องชำระบัญชี เพราะหากถือเอาไว้และต้องรับมอบน้ำมันจริงก็จะต้องแบกรับต้นทุนในการหาคลังจัดเก็บ
นับตั้งแต่นั้นราคาน้ำมันได้ฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม มันก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบหลายปี โดยปัจจัยหลักที่ฉุดราคาน้ำมันในเวลานี้ก็คือความกังวลของเทรดเดอร์เกี่ยวกับคลังจัดเก็บน้ำมันดิบ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่ใกล้เต็มความจุเต็มที ไม่สามารถรับมือกับอุปทานที่ล้นตลาดได้
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (27 เม.ย.) ปิดบวกแข็งแกร่ง นักลงทุนมองในแง่บวกเกี่ยวกับก้าวย่างในการกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งของชาติต่างๆ ในวันแรกของการซื้อขายที่เต็มไปด้วยข้อมูลทางเศรษฐกิจและรายงานผลประกอบการบริษัททั้งหลาย
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 358.51 จุด (1.51 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 24,133.78 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 41.74 จุด (1.47 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,878.48 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 95.64 จุด (1.11 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 8,730.16 จุด
รัฐบาลหลายชาติในยุโรปผ่อนปรนข้อจำกัดต่างๆ ในขณะที่เคสผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ทรงตัว ขณะเดียวกัน มีรัฐต่างๆ ในสหรัฐฯ ก็ทยอยอนุญาตให้ธุรกิจบางอย่างกลับมาเปิดดำเนินการหรือไม่ก็วางกรอบเวลาอย่างชัดเจนสำหรับผ่อนปรนล็อกดาวน์
นักลงทุนจะจับตาข้อมูลทางเศรษฐกิจสำคัญๆ ที่จะเผยแพร่ออกมาในสัปดาห์นี้ ในนั้นรวมถึงความเชื่อมั่นผู้บริโภคและตัวเลขผู้ขอรับสิทธิผลประโยชน์รายสัปดาห์รายใหม่รายสัปดาห์ เช่นเดียวกับรายงานการเติบโตทางเศรษฐกิจไตรมาสแรกและการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด
นอกจากนี้แล้วสัปดาห์นี้ยังจะเต็มไปด้วยรายงานผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ในนั้นรวมถึงบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างแอมะซอน, โบอิ้ง, ไฟเซอร์, อเมริกัน แอร์ไลน์ส และเอ็กซอน โมบิล
ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นผลักนักลงทุนเมินสินทรัพย์เสี่ยงต่ำและฉุดราคาทองคำในวันจันทร์ (27 เม.ย.) ปิดลบแรง โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 11.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,723.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์