เอเอฟพี – หลายประเทศเตรียมผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และรีสตาร์ทเศรษฐกิจ เช่น สเปนที่กำลังจะอนุญาตให้เด็กออกจากบ้านได้เป็นครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์ แม้ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาทั่วโลกพุ่งเป็นกว่า 200,000 คนก็ตาม
รัฐบาลของประเทศต่างๆ ตั้งแต่เบลเยียมจนถึงอเมริกากำลังเร่งเตรียมการยกเลิกหรือผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในบางพื้นที่เพื่อกลับคืนสู่สภาวะปกติหลังจากที่ประชากรเกือบครึ่งโลกถูกบังคับกักตัวเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาที่ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อ 2.86 ล้านคนทั่วโลก และผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นสองเท่านับจากวันที่ 10 เดือนนี้ เป็นกว่า 200,000 คน โดยกว่าครึ่งอยู่ในยุโรป
จำนวนผู้เสียชีวิตรายวันในตะวันตกดูเหมือนเริ่มคงที่หรือกระทั่งลดลง แต่หลายประเทศกลัวว่า หลังจากผ่อนคลายการจำกัดการเคลื่อนย้ายพลเมือง โรคระบาดอาจกลับมาอีกระลอก
อย่างไรก็ตาม รัฐจอร์เจียของอเมริกาเพิกเฉยต่อคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญระดับสูง และอนุญาตให้ธุรกิจนับพันตั้งแต่ร้านตัดผมจนถึงลานโบว์ลิ่งเปิดทำการอีกครั้ง
อเมริกายังคงเป็นประเทศที่ถูกโควิด-19 เล่นงานหนักที่สุด ด้วยยอดผู้เสียชีวิตกว่า 53,000 คน ตามด้วยอิตาลี 26,000 คน, ฝรั่งเศสและสเปนประเทศละกว่า 22,000 คน และสหราชอาณาจักรกว่า 20,000 คน
สเปนเป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้มาตรการล็อกดาวน์เข้มงวดที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม โดยอนุญาตเฉพาะผู้ใหญ่ที่สุขภาพแข็งแรงออกจากบ้านไปซื้ออาหารและยา หรือพาสุนัขออกไปเดินเล่นใกล้บ้านได้เท่านั้น แต่ไม่อนุญาตให้เด็กออกจากบ้านโดยเด็ดขาดไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม
ถึงกระนั้น นับจากวันอาทิตย์ (26 เม.ย.) เด็กสามารถออกไปเดิน วิ่ง หรือเล่นนอกบ้านได้วันละ 1 ชั่วโมง โดยมีผู้ใหญ่ไปด้วย และในรัศมีไม่เกิน 1 กิโลเมตรจากบ้าน
ขณะเดียวกัน ชาวมุสลิมหลายร้อยล้านคนทั่วโลกทำพิธีนอกมัสยิดเป็นวันที่ 2 ของเทศกาลรอมฎอน รวมทั้งหลีกเลี่ยงการกินอาหารร่วมกับครอบครัวขนาดใหญ่หลังสิ้นสุดการถือศีลอดในแต่ละวันภายใต้กฎการเว้นระยะห่างทางสังคม
ชาวออสเตรเลียและนิวซีแลนด์รำลึกวันแอนแซ็กโดยไม่มีพิธีสวนสนามและงานฉลองเพื่อระลึกถึงทหารหาญที่เสียชีวิตในเหตุการณ์การยกพลขึ้นบกในตุรกีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
ในอีกหลายประเทศ ผู้คนเริ่มหมดความอดทนกับมาตรการล็อกดาวน์ที่ส่งผลรุนแรงต่อการดำเนินชีวิตและเศรษฐกิจ ตัวอย่างเช่นที่เยอรมนี ตำรวจเข้าจับกุมผู้ประท้วงหลายสิบคนในเบอร์ลินที่ฝ่าฝืนและคัดค้านมาตรการล็อกดาวน์เมื่อวันเสาร์
ฝรั่งเศสเตรียมแถลงแผนการยกเลิกการปิดเมืองในวันอังคาร (28 เม.ย.) และนับจากสุดสัปดาห์หน้าชาวสเปนทั้งหมดจะได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านไปออกกำลังกายหรือเดินเล่น
ขณะที่ชาวอิตาลีที่ถูกล็อกดาวน์มาตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม กำลังรอฟังการตัดสินใจของรัฐบาลในการยกเลิกข้อจำกัดในช่วงสุดสัปดาห์นี้ และอาจได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านได้อย่างอิสระต้นเดือนพฤษภาคม
อิหร่านยอมให้ธุรกิจเปิดดำเนินการอีกครั้งมาระยะหนึ่ง กระนั้น เมื่อวันเสาร์ อาลีเรซา ซาลี เจ้าหน้าที่ประสานงานด้านสุขภาพในเตหะราน วิจารณ์ว่า การที่รัฐบาลรีบเร่งเปิดเมืองอาจทำให้เกิดการระบาดรอบใหม่ในเมืองหลวง หลังมีการรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 76 คน รวมเป็นกว่า 5,600 คน
แม้จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ดูเหมือนลดลงอยู่ที่วันละ 80,000 คน แต่โลกยังวางใจไม่ได้ขณะที่บริษัทและรัฐบาลประเทศต่างๆ กำลังแข่งกันพัฒนาวิธีรักษาและวัคซีนต้านไวรัสโคโรนา บางประเทศกำลังศึกษาแนวทาง เช่น “พาสปอร์ตภูมิคุ้มกัน” เพื่อให้ประชาชนกลับไปทำงาน
โลธาร์ คอปป์ ชาวเบอร์ลิน หวังว่า ถ้าตัวเองเคยติดเชื้อไวรัสโคโรนาแล้วจะไม่ป่วยอีก และเมื่อทดสอบสารแอนติบอดี้จะได้รับอนุญาตให้พบแม่ที่อายุมากแล้ว แต่องค์การอนามัยโลก (ฮู) เตือนว่า ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาหายแล้วจะไม่ติดเชื้ออีก
ทางด้านแอนโธนี เฟาซี ที่ปรึกษาด้านโรคระบาดระดับสูงของทำเนียบขาว เตือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า อเมริกาจะพบการระบาดของไวรัสโคโรนาอีกครั้งในฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งสถานการณ์อาจซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากตรงกับช่วงการระบาดปกติของไข้หวัดใหญ่
ขณะเดียวกันที่ปักกิ่ง รัฐบาลจีนออกกฎใหม่เพื่อต่อสู้กับโรคระบาดด้วยการห้าม “พฤติกรรมที่ไม่ศิวิไลซ์” เช่น การไม่ปิดปากและจมูกขณะไอหรือจาม
ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อในจีนลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ทางการเริ่มยกเลิกมาตรการควบคุมอย่างระมัดระวังแม้กลัวว่า ไวรัสอาจกลับมาอีกครั้งรวมทั้งกังวลกับเคสใหม่ที่มาจากต่างประเทศก็ตาม
