xs
xsm
sm
md
lg

จีนเกทับสหรัฐฯ อัดฉีดให้ ‘อนามัยโลก’สู้ไวรัส $30 ล้าน ด้าน ผอ.ใหญ่ WHO เตือนโรคระบาดยังไม่จบง่ายๆ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รถตักดินขนดินกลบฝังโลงศพจำนวนมากซึ่งต้องนำมาฝังรวมในหลุมเดียวกัน ณ สุสาน ในเมืองมาเนาส์ เมืองเอกของรัฐอามาโซนัส ประเทศบราซิล เมื่อวันพุธ (22 เม.ย.)  ขณะที่โรคระบาดติดเชื้อไวรัสโควิด-19 คร่าชีวิตผู้คนในประเทศนี้เป็นจำนวนมาก โดยที่บราซิลมีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 46,000 ราย
เอเจนซีส์ - จีนประกาศบริจาคเงินให้องค์การอนามัยโลก (ฮู) อีก 30 ล้านดอลลาร์สมทบทุนสู้โควิด หลังจากสัปดาห์ที่แล้วทรัมป์สั่งระงับเงินที่อเมริกาจ่าย โดยกล่าวหาองค์กรชำนัญพิเศษของยูเอ็นแห่งนี้หนุนหลังปักกิ่งปกปิดข้อมูลไวรัส ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง “ฮู” เตือนว่า วิกฤตโรคระบาดคราวนี้จะไม่จบลงง่ายๆ โดยบางประเทศเพิ่งอยู่ในช่วงต้นของการระบาดเท่านั้น ขณะที่บางประเทศกำลังเผชิญการระบาดรอบสอง

ในวันพฤหัสบดี (23 เม.ย.) หัว ชุนอิง โฆษกหญิงของกระทรวงการต่างประเทศจีน ทวิตว่า ในช่วงเวลาสำคัญนี้ การสนับสนุนองค์การอนามัยโลก เท่ากับเป็นการสนับสนุนระบบพหุภาคีและความสามัคคีของโลก

โฆษกผู้นี้เสริมว่า การบริจาคเงิน 30 ล้านดอลลาร์ครั้งนี้ ซึ่งเพิ่มเติมจากที่เพิ่งบริจาคไป 20 ล้านดอลลาร์เมื่อวันที่ 11 มีนาคม มีเป้าหมายในการสนับสนุนการต่อสู้กับโรคระบาดติดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมระบบสาธารณสุขในประเทศกำลังพัฒนา

ทางด้าน เกิ่ง ส่วง โฆษกอีกคนของกระทรวงการต่างประเทศจีน สำทับว่า การบริจาคเงินให้ฮูสะท้อนการสนับสนุนและความไว้วางใจที่รัฐบาลและคนจีนมีต่อองค์กรแห่งนี้

ก่อนหน้านั้นเมื่อวันพุธ (22) เทดรอส อัดดานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของฮู แถลงที่นครเจนีวาว่า เขาหวังว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะทบทวนการตัดสินใจและเชื่อว่าการบริจาคเงินให้ฮูไม่ใช่เพื่อช่วยประเทศอื่นๆ เท่านั้น แต่ยังเพื่อความปลอดภัยของอเมริกาเอง

ปีที่ผ่านมา อเมริกาสมทบทุนให้ฮูกว่า 400 ล้านดอลลาร์ หรือราว 15% ของงบประมาณทั้งหมดขององค์กรนี้ แต่สัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์สั่งระงับการให้เงิน โดยกล่าวหาว่า ฮูจัดการวิกฤตไวรัสผิดพลาด ปิดบังความรุนแรงของสถานการณ์ในจีนก่อนที่โรคนี้จะระบาดไปทั่วโลก ขณะที่พวกนักวิเคราะห์ทั้งในสหรัฐฯและนานาชาติมองว่า ทรัมป์กำลังมองหา “แพะรับบาป” เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากความล่าช้าของตนเองในการนำพาอเมริการับมือกับวิกฤตครั้งนี้

เกเบรเยซุสยังเตือนว่า ไวรัสโคโรนาจะไม่หายไปง่ายๆ และประเทศส่วนใหญ่ยังอยู่ในช่วงต้นของการระบาดเท่านั้น ขณะที่บางประเทศที่เริ่มระบาดก่อนใครกำลังเผชิญการระบาดรอบสอง

อเมริกาเวลานี้กลายเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักสุด ด้วยยอดผู้เสียชีวิตกว่า 46,500 คน และยอดผู้ติดเชื้อสะสมเกือบ 840,000 คน

ล่าสุด นักวิจัยอเมริกันเผยว่า ผู้เสียชีวิตเคสแรกๆ ในสหรัฐฯ จากโควิด-19 นั้น เกิดขึ้นก่อนหน้าหลายสัปดาห์จากที่เคยเชื่อกัน หรืออีกนัยหนึ่งคือจำนวนผู้เสียชีวิตที่รายงานขณะนี้อาจต่ำกว่าความเป็นจริงมาก

การเสียชีวิตจากโควิด-19 เคสแรกๆ ซึ่งเพิ่งได้รับการยืนยันใหม่นี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 และ 17 กุมภาพันธ์ในเทศมณฑลซานตาคลาราของแคลิฟอร์เนีย และนักวิจัยของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดบอกว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริงอาจสูงกว่าตัวเลขที่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการอย่างน้อย 50 เท่า

กระนั้น มีความกดดันมากขึ้นให้ทางการผ่อนคลายมาตรการจำกัดเพื่อฟื้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่หยุดชะงักจากโรคระบาด แต่ที่น่าประหลาดใจคือ เมื่อวันพุธ ทรัมป์ที่กระตือรือร้นเรียกร้องให้รัฐต่างๆ เปิดเมืองคลายมาตรการล็อกดาวน์ กลับวิจารณ์ผู้ว่าการรัฐจอร์เจียซึ่งเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกันเหมือนกันว่า อนุญาตให้ธุรกิจขนาดเล็กบางอย่าง เช่น ฟิตเนส และร้านเสริมสวย เปิดให้บริการเร็วเกินไป

เทดรอส อัดดานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของฮู
การทดสอบวัคซีน

ในอีกด้านหนึ่งนั้น ฮูและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพอื่นๆ เตือนว่า ควรบังคับใช้มาตรการจำกัดที่เข้มงวดอย่างเช่นการล็อกดาวน์จนกว่าจะมีวิธีรักษาหรือมีวัคซีนต่อต้านไวรัสโคโรนา

ขณะที่ยุโรปมีความหวังมากขึ้น หลังจากเยอรมนีประกาศเมื่อวันพุธว่าจะเริ่มทดสอบวัคซีนกับคนในสัปดาห์หน้า ถือเป็นโครงการที่ 5 ของโลกและเป็นก้าวย่างสำคัญในการพัฒนาวัคซีนออกมาใช้โดยเร็วที่สุด

เวลาเดียวกัน ภูมิภาคยุโรปที่มีผู้เสียชีวิตทะลุ 110,000 คน เริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์อย่างช้าๆ ในบางประเทศ แต่ส่วนใหญ่ยังห้ามจัดกิจกรรมที่มีคนจำนวนมากต่อไป

ทางฟากเอเชีย เวียดนามผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง และผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ความสำเร็จอย่างชัดเจนนี้มาจากมาตรการกักตัวและการติดตามผู้สัมผัสโรคเชิงรุก

เวียดนามมีผู้ติดเชื้อสะสมเพียง 268 คน และไม่มีผู้เสียชีวิต แม้มีพรมแดนยาวเหยียดติดกับจีนที่เป็นประเทศแรกที่ไวรัสนี้อุบัติขึ้นก็ตาม

สำหรับจีนนั้นรายงานเมื่อวันพฤหัสฯ ว่า ไม่พบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ติดต่อกันเป็นวันที่ 8 ส่วนเคสใหม่เพิ่มขึ้น 10 คน ในจำนวนนี้มาจากต่างประเทศ 6 คน

ด้านญี่ปุ่นเผยว่า ลูกเรือบนเรือสำราญคอสตา แอตแลนติกาของอิตาลี ติดเชื้ออย่างน้อย 48 คน หลังได้รับการยืนยันเคสใหม่ในวันพฤหัสฯ 14 คน

เรือลำนี้เข้าเทียบท่าเมืองนางาซากิในเดือนมกราคมเพื่อซ่อมบำรุง โดยมีลูกเรือราว 600 คน แต่ไม่มีผู้โดยสาร

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ผู้ติดเชื้อในภูมิภาคเอเชียใต้ล่าสุดเพิ่มเป็นกว่า 37,000 คน โดยกว่าครึ่งอยู่ในอินเดียที่กำลังหาทางผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ที่บังคับใช้นาน 40 วัน

เฉพาะวันพุธพบผู้ติดเชื้อใหม่ในอินเดียกว่า 1,400 คน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในวันเดียว ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 21,392 คน และเสียชีวิต 681 คน

อีกกรณีที่น่าเป็นห่วงคือ การตัดสินใจของรัฐบาลปากีสถานในการอนุญาตให้ประชาชนไปทำพิธีที่มัสยิดในเทศกาลรอมฎอนที่จะเริ่มต้นในวันศุกร์ (24) แม้ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าอาจทำให้เกิดการระบาดในระดับที่ไม่สามารถควบคุมได้ก็ตาม

เวลานี้ปากีสถานมีผู้ติดเชื้อ 10,513 คน และเสียชีวิต 224 คน

ผู้เชี่ยวชาญแสดงความกังวลว่า การที่เอเชียใต้ซึ่งมีประชากร 1 ใน 5 ของโลก มีผู้ติดเชื้อน้อยกว่าในประเทศมั่งคั่งอย่างอังกฤษ สเปน และอเมริกา อาจเป็นเพราะมีอัตราการตรวจหาเชื้อต่ำ


กำลังโหลดความคิดเห็น