เอเอฟพี - ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต แห่งฟิลิปปินส์ ขู่ใช้มาตรการปราบปรามขั้นรุนแรงเทียบเท่า ‘กฎอัยการศึก’ หลังประชาชนยังคงฝ่าฝืนมาตรการล็อกดาวน์ในเมืองหลวงช่วงโควิด-19 ระบาด
คำขู่จากผู้นำขาโหดมีขึ้นหลังเจ้าหน้าที่รายงานว่า ปริมาณรถยนต์บนท้องถนนในกรุงมะนิลา ชักจะเพิ่มขึ้น จากที่เคยเงียบเหงาแทบเป็นเมืองร้าง หลังรัฐบาลมีคำสั่งล็อกดาวน์ครอบคลุมพื้นที่ครึ่งประเทศเมื่อ 1 เดือนก่อน
“ผมแค่ขอให้มีวินัยกันสักหน่อย ถ้าไม่ทำ ถ้าคุณไม่เชื่อที่ผมพูด ผมก็จะให้ทหารกับตำรวจเข้ามาจัดการ” ดูเตอร์เต แถลงผ่านสื่อโทรทัศน์เมื่อค่ำวานนี้ (16 เม.ย.) “ทหาร-ตำรวจ จะบังคับให้พวกคุณเว้นระยะห่างทางสังคมในเวลาเคอร์ฟิว เหมือนกฎอัยการศึกไม่มีผิด พวกคุณเลือกเองนะ”
ดูเตอร์เต เคยขู่ย้ำหลายครั้งว่า จะส่งทหารเข้าควบคุมสถานการณ์ทั่วฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นคำพูดที่ชวนให้นึกถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นเลวร้ายในยุคเผด็จการ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส
หลังยอดผู้ติดเชื้อใหม่เริ่มพุ่งขึ้นในเดือน มี.ค. ดูเตอร์เต ก็ประกาศมาตรการล็อกดาวน์บนเกาะลูซอน ซึ่งเป็นที่ตั้งกรุงมะนิลาที่มีประชากรราว 12 ล้านคนด้วย
เฉพาะแรงงานในภาคส่วนที่จำเป็น และผู้ที่ต้องซื้ออาหาร หรือยารักษาโรคเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้าน ทว่า ในทางปฏิบัติคนส่วนใหญ่ก็ยังฝ่าฝืนเงื่อนไขนี้
ตำรวจฟิลิปปินส์แถลงว่า พวกเขาได้เตือนหรือจับกุมประชาชนหลายหมื่นคนที่ฝ่าฝืนคำสั่งล็อกดาวน์ออกมาเที่ยวเตร็ดเตร่นอกบ้านโดยไม่มีเหตุอันสมควร
จากฐานข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ วันนี้ (17) ฟิลิปปินส์มีผู้ติดเชื้อโควิดสะสม 5,660 ราย เสียชีวิตแล้ว 362 ราย ซึ่งคาดว่าตัวเลขจะเพิ่มสูงขึ้นอีกหลังจากที่การตรวจคัดกรองผู้ป่วยเป็นไปอย่างครอบคลุม