รอยเตอร์ - สิงคโปร์ในวันอังคาร(14เม.ย.) ออกคำสั่งบังคับต้องสวมหน้ากากในที่สาธารณะ ในมาตรการเพิ่มเติมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่(โควิด-19) ปรับเปลี่ยนแนวทางในเบื้องต้นที่แค่แนะนำเท่านั้น หลังพบหลักฐานมากขึ้นเรื่อยๆว่าเคสผู้ติดเชื้อที่ตรวจไม่เจอนั้นพบบ่อยกว่าที่คิดไว้
เมื่อตอนที่ไวรัสแพร่ระบาดเข้ามาสิงคโปร์ครั้งแรกเมื่อเกือบ 3 เดือนก่อน เจ้าหน้าที่แนะนำให้ชาวบ้านสวมหน้ากากก็ต่อเมื่อมีอาการป่วย เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่เชื้อ
อย่างไรก็ตามในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เริ่มแนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยและบังคับให้สวมใส่ยามที่ในสถานที่บางแห่ง อย่างเช่นในระบบขนสางสาธารณะ
"ทันทีที่คุณออกนอกบ้าน คุณจำเป็นต้องสวมหน้ากาก" ลอเรนซ์ หว่อง รัฐมนตรีซึ่งเป็นแม่ทัพร่วมในภารกิจต่อสู้กับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของสิงคโปร์ กล่าวในวันอังคาร(14เม.ย.) ทั้งนี้เขาอ้างถึงเคสที่ตรวจหาเชื้อไม่เจอ และความเสี่ยงของการแพร่เชื้อโดยผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ
สำหรับผู้กระทำผิดครั้งแรกในกรณีที่ถูกจับได้ว่าไม่สวมหน้ากากจะถูกปรับเงิน 300 ดอลลาร์สิงคโปร์(ราว 6,900 บาท)
อย่างไรก็ตามมาตรการดังกล่าวมีข้อยกเว้นสำหรับเด็กที่มีความจำเป็นพิเศษหรือเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ขวบ เช่นเดียวกับบุคคลที่ไปออกกำลังกายในที่โล่งแจ้ง
คำสั่งนี้มีขึ้นหลังจากรัฐบาลสิงคโปร์แจกหน้ากากผ้าให้แก่ทุกครัวเรือน ในขณะที่สำรองหน้ากากอนามัยไว้สำหรับเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขเท่านั้น
สิงคโปร์ยืนยันพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีกถึง 334 คนในวันอังคาร(14เม.ย.) ส่วนใหญ่ยังเกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของหอพักของแรงงานต่างด้าว ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 3,252 คน ในนั้นเสียชีวิต 10 ราย