รอยเตอร์ - ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในสเปน เพิ่มขึ้นเหนือ 10,000 คน ในวันพฤหัสบดี (2 เม.ย.) หลังพบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 950 คน ช่วง 24 ชั่วโมง ที่ผ่านมา สูงสุดนับตั้งแต่เริ่มแพร่ระบาด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สาธารณสุขมองเห็นเค้ารางแห่งความหวังว่าการแพร่ระบาดกำลังชะลอตัวในแง่ของอัตราการเพิ่มขึ้นรายวันของทั้งผู้ติดเชื้อและเสียชีวิต
สเปนเป็นชาติที่มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากอิตาลี โดยล่าสุดในวันพฤหัสบดี (2 เม.ย.) ตัวเลขอยู่ที่ 10,003 ศพ หลังพบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 950 คน อย่างไรก็ตาม หากคิดเป็นอัตราส่วนแล้ว พบว่า เป็นการเพิ่มขึ้นราวๆ 10% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับหนึ่งวันก่อนหน้านี้ ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่นั้นพบเพิ่มเติม 6,120 คน เป็น 110,238 คน หรือเพิ่มขึ้นจากเมื่อวันพุธ (1 เม.ย.) ราวๆ 8%
ซัลวาดอร์ อิลลา รัฐมนตรีสาธารณสุขสเปน บอกกับรัฐสภา ว่า “มีแสงสว่างอยู่ปลายอุโมงค์ เค้ารางแห่งความหวัง เส้นโค้งทรงตัว เรามาถึงจุดพีกสุดของเส้นโค้งแล้วและเราอยู่ในขั้นชะลอตัว”
ประเทศสเปนอยู่ในภาวะล็อกดาวน์มาตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม โดยอนุญาตให้ประชาชนออกนอกบ้านในกรณีที่มีความจำเป็นเท่านั้น และในสัปดาห์นี้ได้ยกระดับความเข้มข้นขึ้นไปอีก โดยอนุญาตให้เฉพาะพนักงานในภาคธุรกิจสำคัญๆ เท่านั้นที่สามารถเดินทางไปกลับที่ทำงานได้
อัตราผู้ติดเชื้อรายวันในแง่ของเปอร์เซ็นต์นั้นค่อยๆ ชะลอตัวตามลำดับมาตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม ซึ่งวันนั้นมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 20%
ในแง่ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ข้อมูลอย่างเป็นทางการ พบว่า ในสเปนได้มีการปลดพนักงานถึง 900,000 ตำแหน่ง นับตั้งแต่เข้าสู่ภาวะล็อกดาวน์ ถือเป็นจำนวนมากสุดในประวัติศาสตร์ นอกจากนี้แล้ว ยังมีการหยุดจ้างงานชั่วราวอีกอย่างน้อย 620,000 ตำแหน่ง
ข้อมูลสวัสดิการสังคมเผยให้เห็นด้วยว่ามีคนงานราว 80,000 คน ที่ต้องออกจากงาน เพราะติดเชื้อโควิด-19 ส่วนอีก 170,000 คน ต้องลาป่วย เพราะต้องอยู่ภายใต้มาตรการกักกันโรค เนื่องจากไปสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ