รอยเตอร์ - ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในอิตาลีทะลุ 100,000 คนแล้วในวันจันทร์ (30 มี.ค.) เป็นชาติที่ 2 ต่อจากสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลก เชื่อว่า คำสั่งล็อกดาวน์และมาตรการอันเข้มงวดต่างๆ ที่บังคับใช้มา 2 สัปดาห์ จะทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดเข้าสู่ภาวะทรงตัวเร็วๆ นี้
อิตาลีเป็นชาติที่มีผู้เสียชีวิตจากวิกฤตการพแร่ระบาดของโควิด-19 มากที่สุดในโลก และคิดเป็นราวๆ 1 ใน 3 ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด
ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายโครงการฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก บอกว่า ในอู่ฮั่น เมืองในจีน ซึ่งเป็นแหล่งอุบัติของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เมื่อเดือนธันวาคม และตอนนี้กลับมาเปิดเมืองอีกครั้งหลังล็อกดาวน์มานาน 2 เดือน พวกเจ้าหน้าที่ยังคงใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางร่างกายและเดินหน้าค้นหาผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง
“สิ่งที่เราอยากเห็น คือ เมื่ออิตาลีล็อกดาวน์และบังคับใช้มาตรการอันเข้มงวดแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้มาแล้ว 2-3 สัปดาห์ เราน่าจะได้เห็นสถานการณ์ที่ทรงตัว เพราะว่าเคสผู้ติดเชื้อที่เราเห็นในวันนี้ เป็นตัวเลขที่สะท้อนความจริงเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน” เขากล่าวระหว่างแถลงข่าวในกรุงเจนีวา
สำนักงานพิทักษ์พลเรือนอิตาลี เปิดเผยในวันจันทร์ (30 มี.ค.) ว่า พบผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ อีก 812 คน เป็น 11,591 คน นับเป็นตัวเลขรายวันที่เพิ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากลดลงมา 2 วันติด
อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเพียง 4,050 คน ถือว่าเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 17 มีนาคม ส่งผลให้ยอดรวมเพิ่มขึ้นจาก 97,689 คน เป็น 101,739 คน
ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง สเปน แซงหน้า จีน ก้าวขึ้นเป็นชาติที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากสุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐฯ และ อิตาลี ในขณะที่มาตรการอันเข้มข้นของรัฐบาลที่กำหนดต่อพลเมืองเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 แต่อัตราการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อเริ่มชะลอตัว
“ดังนั้น เราหวังว่า อิตาลีและสเปนขยับเข้าใกล้สิ่งนั้นแล้ว และการลดลง (จำนวนผู้ติดเชื้อ) ไม่แค่การล็อกดาวน์เท่านั้น จงเดินหน้ากันต่อไป” ไรอัน กล่าว
ทั้งนี้ หลังจากนั้นไม่นาน โรแบร์โต สเปรันซา รัฐมนตรีสาธารณสุข ระบุในถ้อยแถลงว่า อิตาลีจะขยายมาตรการล็อกดาวน์ต่อไปอีกอย่างน้อยจนถึงวันที่ 12 เมษายน ในความพยายามยับยั้งการแพร่ระบาด