เอเจนซีส์ - องค์การอนามัยโลก (ฮู) เตือนสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในเอเชีย “ไม่จบง่ายๆ” ชี้ มาตรการรับมือปัจจุบันแค่ซื้อเวลา เพื่อให้แต่ละประเทศเตรียมพร้อมเข้าสู่ระยะที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ย้ำ แม้ศูนย์กลางการระบาดขณะนี้อยู่ที่ยุโรป แต่มีความเป็นไปได้ว่า อาจมีการระบาดใหญ่เกิดขึ้นในภูมิภาคอื่นๆ ล่าสุด จำนวนผู้เสียชีวิตและติดเชื้อยังพุ่งไม่หยุดทั่วโลก โดยประเทศที่สถานการณ์ยังวิกฤต คือ อเมริกา อิตาลี และ สเปน
เวอร์จิเนีย และ แมรี่แลนด์ เป็นสองรัฐล่าสุดในอเมริกาที่ออกคำสั่งให้ประชาชนงดออกจากบ้าน ตามด้วยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และส่งผลให้ชาวอเมริกัน 3 ใน 4 อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ในรูปแบบต่างๆ กันไป
วันจันทร์ (30 มี.ค.) โรงพยาบาลลอยน้ำของกองทัพเรือสหรัฐฯ เดินทางถึงนิวยอร์ก เพื่อบรรเทาภาระของระบบสาธารณสุขในรัฐดังกล่าว และในวันอังคาร (31 มี.ค.) โรงพยาบาลสนามในเซ็นทรัลปาร์กจะเริ่มเปิดให้บริการ
ทั้งนี้ โควิด-19 ยังคงระบาดหนักในอเมริกา ด้วยยอดผู้เสียชีวิตทะลุ 3,000 คน และผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยัน 163,000 คน สูงที่สุดในโลก
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ พยายามฟื้นความเชื่อมั่นของชาวอเมริกัน โดยกล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังเร่งแจกจ่ายอุปกรณ์จำเป็น เช่น เครื่องช่วยหายใจและอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (พีพีอี) แต่ขณะเดียวกันก็เตือนว่า ช่วงเวลาท้าทายคือ 30 วันข้างหน้า และยอมรับว่า อาจต้องประกาศมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ
แม้ระบบสาธารณสุขของอเมริกากำลังแบกรับภาระหนักอึ้งทั้งด้านบุคลากร และเครื่องไม้เครื่องมือ แต่ทรัมป์ประกาศว่า จะนำอุปกรณ์การแพทย์ส่วนเกินไปมอบให้อิตาลี ฝรั่งเศส และสเปน ที่เผชิญการระบาดหนักมาก
ขณะนี้ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่อุบัติขึ้นครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่นของจีน เมื่อปลายปีที่แล้ว ทำให้มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกถึง 770,000 คน โดยที่จำนวนผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันในอเมริกา อิตาลี และ สเปน แซงหน้าจีนเป็นที่เรียบร้อย ส่วนยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ราว 37,000 คน
อย่างไรก็ดี หลังจากล็อกดาวน์มาหลายสัปดาห์เริ่มปรากฏสัญญาณว่า การระบาดในอิตาลีอาจชะลอลง แม้ยังมีการรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 812 คนในวันจันทร์ เป็น 11,591 คนก็ตาม แต่จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นเพียง 4.1%
วันเดียวกันนั้น สเปนรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 812 คน ทำให้ยอดรวมทั้งหมดแซงหน้าจีน
ผู้นำทั่วโลก ซึ่งในจำนวนนี้มีหลายคนที่ติดเชื้อหรือถูกบังคับให้กักกันโรค ยังคงพยายามหาวิธีจัดการกับวิกฤตนี้ที่ส่งผลกระทบทั้งต่อเศรษฐกิจและสังคมแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2
มาตรการชัตดาวน์ทำให้คนนับล้านตกงาน และรัฐบาลในหลายประเทศรีบเร่งออกมาตรการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจ
ธนาคารโลกออกรายงานเมื่อวันจันทร์เตือนว่า ผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 อาจทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวรุนแรง รวมทั้งทำให้ประชาชนหลายล้านคนในเอเชียตะวันออกกลายเป็นผู้ยากไร้
วันอังคาร ทาเคชิ คาซาอิ ผู้อำนวยการภาคพื้นแปซิฟิกตะวันตกขององค์การอนามัยโลก แถลงว่า ความเสี่ยงในการติดเชื้อในเอเชีย-แปซิฟิก จะไม่จบลงตราบเท่าที่ไวรัสโควิด-19 ยังคงระบาดอยู่ แม้เมื่อพิจารณาจากมาตรการรับมือทั้งหมดก็ตาม
คาซาอิยังเรียกร้องให้ทุกประเทศเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ที่จะมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก พร้อมเตือนประเทศที่จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ลดลงว่า ไม่ควรชะล่าใจและลดระดับมาตรการป้องกันเนื่องจากไวรัสอาจกลับมาโจมตีระลอกใหม่
แมทธิว กริฟฟิธ ที่ปรึกษาด้านเทคนิคของฮู ขานรับว่า ไม่มีประเทศไหนที่ปลอดภัย เนื่องจากที่สุดแล้วโควิด-19 สามารถแพร่กระจายไปถึงทุกที่
กริฟฟิธ ยังยกตัวอย่างสิงคโปร์และเกาหลีใต้ที่ก่อนหน้านี้สามารถควบคุมการระบาดโดยลดจำนวนผู้ติดเชื้อลง แต่ต่อมากลับพบการระบาดในสถานที่ใหม่ๆ และยังต้องกังวลกับเคสใหม่ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ
เขาสำทับว่า แม้ศูนย์กลางการระบาดขณะนี้อยู่ในยุโรป แต่มีแนวโน้มว่า การระบาดใหญ่อาจลุกลามไปยังภูมิภาคอื่นๆ ได้
ทั้งนี้ ในวันอังคาร ฟิลิปปินส์รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นถึง 538 คน ซึ่งถือเป็นสถิติรายวันสูงสุด ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อทั้งหมดอยู่ที่ 2,084 คน ส่วนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 10 คน เป็น 88 คน
พม่าพบผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนารายแรก เป็นชายอายุ 69 ปี เพิ่งเดินทางกลับจากไปรักษามะเร็งในออสเตรเลียเมื่อกลางเดือน โดยประเทศนี้เพิ่งยืนยันผู้ติดเชื้อคนแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
โตเกียวพบเคสใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันเดียวถึง 78 คน เมื่อวันอังคาร รวมเป็นกว่า 500 คน ขณะที่ยอดรวมทั่วประเทศมากกว่า 2,000 คน และจำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 59 คน ส่งผลให้นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ถูกกดดันหนักขึ้นให้ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์