เอเอฟพี – ทั่วโลกออกมาตรการฉุกเฉินหวังสกัดไวรัสโคโรนาที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตใกล้ถึง 15,000 คน หลายประเทศและหลายเมืองประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ ขณะที่ทรัมป์สั่งเพิ่มเตียงฉุกเฉินนับพันเตียงในบริเวณที่มีการระบาดหนัก ด้านผู้นำเยอรมนีต้องกักกันตัวเอง หลังหมอที่ให้การรักษาติดเชื้อไวรัสโควิด-19
เหตุจลาจลในเรือนจำโคลัมเบียตอกย้ำความแตกตื่นเกี่ยวกับการระบาดของโควิด-19 ที่ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกกว่า 14,400 คน และสถานการณ์ในทุกภูมิภาคมีแต่เลวร้ายลง ยกเว้นเพียงจีน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ (22 มี.ค.) ว่าอเมริกากำลังอยู่ในสงคราม และสั่งสร้างสถานีการแพทย์ฉุกเฉินพร้อมเตียงผู้ป่วย 4,000 เตียงในแคลิฟอร์เนียและพื้นที่อื่นๆ ที่มีการระบาดรุนแรง
ขณะนี้ ชาวอเมริกันกว่า 1 ใน 3 อยู่ภายใต้มาตการล็อกดาวน์รูปแบบต่างๆ ซึ่งรวมถึงประชาชนในนิวยอร์ก ชิคาโก และลอสแองเจลีส กระนั้น จำนวนผู้ติดเชื้อยังคงพุ่งขึ้นไม่หยุด
นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กตอกย้ำวิกฤตการณ์ในอเมริกาด้วยการเปิดเผยว่า นิวยอร์กกำลังจะขาดแคลนเครื่องช่วยหายใจภายใน 10 วัน
ขณะเดียวกัน ข้อเสนอฟื้นเศรษฐกิจมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ที่วุฒิสภาอเมริกันเสนอกลับล่มไม่เป็นท่าเมื่อวันอาทิตย์ เนื่องจากไม่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคเดโมแครต ส่งผลให้นักลงทุนยิ่งเสียขวัญ
ในวันจันทร์ (23 มี.ค.) ตลาดหุ้นเอเชียแดงเถือกรับข่าวดังกล่าว รวมถึงข่าวร้ายอื่นๆ จากทั่วโลก นายกรัฐมนตรีสก็อตต์ มอร์ริสันของออสเตรเลีย กล่าวว่า เศรษฐกิจของประเทศเผชิญผลกระทบรุนแรงที่สุดในหลายช่วงอายุคน และเตือนว่า การระบาดของโควิด-19 อาจนำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจโลกถดถอยครั้งร้ายแรงแบบเดียวกับในทศวรรษ 1930
ที่ยุโรป กรีซประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศ และเยอรมนีห้ามการชุมนุมเกิน 2 คน นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ยังกักกันตัวเองหลังแพทย์ที่ให้การรักษาติดเชื้อโควิด-19
อิตาลี ประเทศที่มีการระบาดรุนแรงที่สุดในโลกขณะนี้ มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 661 คนในวันอาทิตย์ เป็น 5,500 คน หลังจากทำสถิติแซงหน้าจีนไปเมื่อวันเสาร์ (21 มี.ค.) ซึ่งที่กรุงโรม ตำรวจออกลาดตระเวนตามชายหาด หลังเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรายงานว่า มีประชาชนบางคนละเมิดคำสั่งกักกันออกไปอาบแดด
นายกรัฐมนตรีสเปนเผยว่า จะขอให้รัฐสภาขยายสถานการณ์ฉุกเฉินที่ห้ามประชาชนออกจากบ้านเว้นแต่มีกิจธุระสำคัญออกไปจนถึงวันที่ 1 เมษายน ทั้งนี้ สเปนมีผู้เสียชีวิตเกือบ 400 คนในวันอาทิตย์ รวมเป็น 1,720 คน บ่งชี้ว่า มาตรการล็อกดาวน์ไม่มีประสิทธิภาพ และมีข่าวว่า พลาซิโด โดมิงโก นักร้องโอเปราชื่อดัง ติดเชื้อไวรัสโคโรนา
ขณะเดียวกัน ประชาชนในฝรั่งเศสที่มีผู้เสียชีวิตรวม 562 คน ยังคงกักกันตัวเองในบ้าน และยังมีการบังคับใช้คำสั่งห้ามออกจากบ้านยามวิกาลในบางพื้นที่ ขณะที่นายกเทศมนตรีปารีสต้องการยกระดับมาตรการกักกันเข้มข้นขึ้น
ด้านนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน เตือนว่า อังกฤษอาจมีสถิติการสูญเสียแบบเดียวกับอิตาลีในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในจีนที่เป็นจุดเริ่มต้นการระบาดตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้วกลับสงบลง โดยในวันจันทร์จีนรายงานว่า ไม่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศ แต่ยืนยันเคสใหม่ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 39 คน ทั้งนี้ ผู้นำปักกิ่งถูกวิจารณ์จากทั้งในและนอกประเทศว่า ขาดความโปร่งใสโดยเฉพาะในช่วงแรกที่ไวรัสระบาด
เมื่อวันอาทิตย์ ทรัมป์ที่ทำให้ปักกิ่งขัดเคืองด้วยการตราหน้าว่า โควิด-19 เป็น “ไวรัสจีน” บ่นอีกรอบว่า จีนไม่ให้ข้อมูลและไม่โปร่งใส
ขณะนี้ ทั่วเอเชียพากันกังวลกับเคส “นำเข้า” จากยุโรปและพื้นที่ที่มีการระบาดรุนแรงอื่นๆ สิงคโปร์ ฮ่องกง และมาเลเซียรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลังจากที่ตัวเลขเริ่มนิ่งก่อนหน้านี้ ทำให้ต้องยกระดับการกักตัวและจำกัดการเดินทาง
นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์นของนิวซีแลนด์ ประกาศล็อกดาวน์ 4 สัปดาห์ ในวันจันทร์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตแบบยุโรป
ฮ่องกงประกาศงดรับนักเดินทางจากทุกประเทศ ยกเว้นพลเมืองฮ่องกง นอกจากนี้ แคร์รี่ ลัม ผู้บริหารสูงสุดเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ยังสั่งห้ามร้านอาหารและบาร์ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันคนเมาพลั้งเผลอการเว้นระยะห่างทางสังคม