เอเจนซีส์ - ประชาชนเกือบ 1,000 ล้านคนทั่วโลกต้องกักกันตัวเองอยู่ในบ้าน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดที่มีการรายงานในวันอาทิตย์ (22 มี.ค.) อยู่ที่จำนวนมากกว่า 13,000 คน โดยเฉพาะในอิตาลีที่จำนวนผู้เสียชีวิตรายวันพุ่งทำสถิติครั้งใหม่ ผู้นำอิตาลีประกาศปิดโรงงานที่ไม่จำเป็น ขณะเดียวกันมีข่าวว่า กองทัพรัสเซียจะเริ่มจัดส่งความช่วยเหลือทางการแพทย์ให้แก่โรมตั้งแต่วันอาทิตย์ตามคำสั่งของปูติน
การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ 35 ประเทศทั่วโลกบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้การดำเนินชีวิตปกติ การเดินทาง และธุรกิจหยุดชะงัก ขณะที่รัฐบาลพยายามปิดพรมแดน ประกาศมาตรการฉุกเฉินมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์เพื่อป้องกันเศรษฐกิจล่ม
ล่าสุดยอดผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันทั่วโลกมีกว่า 300,000 คน โดยสถานการณ์ในอิตาลีรุนแรงที่สุด มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในวันเสาร์เกือบ 800 คน เป็นกว่า 4,800 คน หรือ 1 ใน 3 ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดทั่วโลก โดยทางนายกรัฐมนตรีจูเซปเป คอนติ ประกาศปิดโรงงานที่ไม่จำเป็นทั้งหมดระหว่างปราศรัยถ่ายทอดทางทีวีเมื่อคืนวันเสาร์ (21 มี.ค.)
ปัจจุบัน อิตาลีที่มีประชากร 60 ล้านคน กลายเป็นศูนย์กลางการระบาดของโควิด-19 ที่อุบัติขึ้นครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่นของจีนเมื่อปลายปีที่แล้วก่อนลุกลามไปยังประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
ขณะนี้ อิตาลีรายงานยอดผู้เสียชีวิตมากกว่าในจีนรวมกับอิหร่าน ซึ่งเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสนี้อันดับ 3 อีกทั้งมีอัตราการเสียชีวิตในหมู่ผู้ได้รับการยืนยันติดเชื้อถึง 8.6% สูงกว่าประเทศส่วนใหญ่มาก
อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า จะจัดส่งความช่วยเหลือทางทหารให้แก่อิตาลีนับตั้งแต่วันอาทิตย์ ตามคำสั่งของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งได้หารือกับคอนติเมื่อวันเสาร์และตกลงที่จะส่งยานยนต์ฆ่าเชื้อ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาและระบาดวิทยา และอุปกรณ์การแพทย์อื่นๆ เพื่อช่วยเหลือในพื้นที่ที่มีการระบาดรุนแรงที่สุด
ที่อเมริกา ชาวอเมริกันกว่า 1 ใน 3 ต้องปรับรูปแบบการดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับมาตรการล็อกดาวน์ที่มีด้วยกันหลายเฟส ซึ่งรวมถึงในนิวยอร์ก ชิคาโก และลอสแองเจลีส 3 เมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ ขณะที่พื้นที่อื่นๆ ของอเมริกาถูกคาดหมายว่า จะยกระดับมาตรการจำกัดการแพร่ระบาดเช่นเดียวกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า นี่เป็นเวลาแห่งการเสียสละร่วมกันและอเมริกาจะมีชัยชนะยิ่งใหญ่
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการประกาศต่อสู้กับโรคระบาดของบรรดาผู้นำทั่วโลก แต่จำนวนผู้เสียชีวิตและติดเชื้อยังพุ่งขึ้นไม่หยุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป
สเปนรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 32% เมื่อวันเสาร์ และนายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชส เตือนระหว่างการปราศรัยถ่ายทอดทางทีวีว่า สเปนจำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับวันที่หนักหน่วงมากที่กำลังมาถึง
ยอดผู้เสียชีวิตในฝรั่งเศสเพิ่มขึ้นเป็น 562 คน ขณะที่ตำรวจใช้เฮลิคอปเตอร์และโดรนเพื่อสนับสนุนความพยายามของรัฐในการบังคับให้ประชาชนกักกันตัวเองในบ้าน
มาตรการต่อสู้ไวรัสโคโรนาที่ไม่เคยมีมาก่อนทำให้ปฏิทินการแข่งขันกีฬาทั่วโลกสะดุด และกดดันผู้จัดกีฬาโอลิมปิกในโตเกียวให้เลื่อนกำหนดออกไปก่อน
โรคระบาดใหญ่ครั้งนี้ยังทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกทรุด และอเมริกา ประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก กำลังเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉุกเฉินที่อาจมีมูลค่าถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ประชาชนหลายล้านคนได้รับคำสั่งให้อยู่แต่ในบ้าน
นิวเจอร์ซีเป็นรัฐล่าสุดที่ประกาศให้ประชาชนกักกันตัวเอง ฟิล เมอร์ฟี ผู้ว่าการรัฐสั่งให้ร้านค้าและธุรกิจที่ไม่จำเป็นทั้งหมดหยุดการดำเนินการตั้งแต่ 21.00 น. วันเสาร์ ขณะที่แอนดริว คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก เตือนว่า มาตรการจำกัดการแพร่ระบาดอาจใช้เวลานานเป็นเดือน
ขณะเดียวกัน สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐฯ อนุมัติการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาที่จุดดูแลผู้ป่วยและรู้ผลภายใน 45 นาที
มาตรการสกัดการระบาดอย่างเข้มข้นแบบจีนที่มีการปิดมณฑลหูเป่ยดูเหมือนมีประสิทธิภาพอย่างชัดเจน โดยในวันอาทิตย์จีนพบผู้ติดเชื้อภายในประเทศรายแรกในรอบ 4 วัน กระนั้น แม้จำนวนผู้ติดเชื้อลดฮวบ แต่จีนกำลังกังวลมากขึ้นกับเคสใหม่ที่เดินทางมาจากศูนย์กลางการระบาดอื่นๆ เช่น ยุโรป
ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และประเทศอื่นๆ ในยุโรปสั่งให้ประชาชนกักตัวเองในบ้าน โดยบางประเทศขู่ปรับผู้ฝ่าฝืน ส่วนออสเตรียประกาศเมื่อวันอาทิตย์ให้พลเมืองยกเลิกแผนการเดินทางภายในประเทศทั้งหมด อังกฤษสั่งปิดผับ ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ และเตือนประชาชนให้หยุดตื่นตระหนกและซื้อของตุน อินเดียประกาศล็อกดาวน์ในวันอาทิตย์และ “กักตัวเองงดออกจากบ้าน” ทั่วประเทศ 1 วัน
ทางด้านองค์การอนามัยโลก (ฮู) เตือนว่า หนุ่มสาวมีความเสี่ยงที่จะมีอาการหนักหากติดเชื้อโควิด-19 เช่นเดียวกับผู้สูงวัยและผู้ที่มีโรคประจำตัว
การที่ผู้เสียชีวิตจำนวนมากมีอาการอื่นๆ ทำให้ยากที่จะระบุตัวเลขเหยื่อโควิด-19 ที่แท้จริง และอัตราการติดเชื้อไม่แน่นอนเนื่องจากหลายประเทศขาดแคลนเครื่องมือทดสอบ
ไวรัสโคโรนายังระบาดไปทั่วแอฟริกา มีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 1,000 คน เนื่องจากภูมิภาคนี้มีระบบสาธารณสุขจำกัดและมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมทำได้ยากในเมืองที่มีประชากรแออัด
ตะวันออกกลางเป็นอีกภูมิภาคที่ต้องเฝ้าระวังอย่างมาก โดยอิหร่าน ซึ่งเป็นอีกประเทศที่มีการระบาดรุนแรง รายงานผู้เสียชีวิตใหม่ 123 คนในวันเสาร์ และไม่มีมาตรการสกัดการระบาดอย่างเข้มข้นแบบประเทศอื่นๆ