xs
xsm
sm
md
lg

ปักกิ่งขับนักข่าวอเมริกัน 3 ฉบับรวด ตอบโต้มาตรการวอชิงตันเล่นงานสื่อจีน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


<i>โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน เกิ่ง ส่วง ขณะแถลงข่าวประจำวันที่กรุงปักกิ่งวันพุธ (18 มี.ค.) ซึ่งเป็นวันที่จีนประกาศจะขับไล่นักข่าวนักหนังสือพิมพ์จาก 3 หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ออกนอกประเทศ </i>
เอเจนซีส์ - จีนขับนักข่าวอเมริกันจากกการทำศึกระหว่างสองมหาอำนาจยิ่งดุเดือด และขยายวงสู่ประเด็นการระบาดของไวรัสโคโรนา ตลอดจนเสรีภาพสื่อ

กระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงเมื่อวันพุธ (18 มี.ค.) ว่า การตัดสินใจขับผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์, วอชิงตันโพสต์ และ วอลล์สตรีทเจอร์นัล คราวนี้ เป็นการตอบโต้การตัดสินใจของวอชิงตันในการลดจำนวนพลเมืองจีนที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานกับสื่อของรัฐบาลจีน 4 แห่งที่ประจำอยู่ในสหรัฐฯ จาก 160 คน เหลือ 100 คน

คำแถลงยังระบุให้ผู้สื่อข่าวเหล่านั้นส่งคืนหนังสือรับรองและบัตรประจำตัวผู้สื่อข่าวภายใน 10 วัน และไม่อนุญาตให้ทำงานในเขตปกครองพิเศษฮ่องกงและมาเก๊าของจีนด้วย

ด้านสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศในจีน (เอฟซีซีซี) ระบุว่า คำสั่งนี้หมายความว่า ผู้สื่อข่าวอเมริกันอย่างน้อย 13 คนที่ทำงานอยู่ในจีนขณะนี้จะถูกขับออกนอกประเทศ

ปักกิ่งยังสั่งให้สื่ออีกหลายสำนัก เช่น วอยซ์ ออฟ อเมริกา และ นิตยสารไทม์ แจ้งจำนวนพนักงาน สถานะการเงิน การดำเนินงาน และอสังหาริมทรัพย์ในจีนเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งเป็นกฎเดียวกับที่วอชิงตันบังคับใช้กับสื่อของทางการจีนในอเมริกา

กระทรวงการต่างประเทศจีนสำทับว่า “มาตรการต่างตอบแทนที่จำเป็นเหล่านี้” มีจุดประสงค์เพื่อตอบโต้การบีบบังคับอย่างไร้เหตุผลที่องค์กรสื่อของจีนในอเมริกาต้องเผชิญ

<i>หัวหน้าสำนักงานปักกิ่งของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ สตีเวน ลี ไมเออร์ส (กลาง) พูดกับนักข่าวนักหนังสือพิมพ์คนอื่นๆ ภายหลังการแถลงข่าวประจำวันของกระทรวงการต่างประเทศจีนในกรุงปักกิ่งเมื่อวันพุธ (18 มี.ค.) ทั้งนี้นิวยอร์กไทมส์เป็น 1 ใน 3 หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่อเมริกัน ซึ่งทางการจีนระบุว่าจะขับนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ของพวกเขาที่ประจำอยู่ในแดนมังกร </i>
ความบาดหมางระลอกนี้เริ่มขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากจีนขับผู้สื่อข่าววอลล์สตรีทเจอร์นัล 3 คน ประกอบด้วยชาวอเมริกัน 2 คน และออสเตรเลีย 1 คน จากกรณีที่หนังสือพิมพ์ฉบับนี้พาดหัวบทความชิ้นหนึ่งที่ตนนำมาตีพิมพ์ ว่า “จีนคือผู้ป่วยตัวจริงของเอเชีย” ซึ่งปักกิ่งมองว่า เป็นการเหยียดเชื้อชาติ นอกจากนั้นเมื่อถูกฝ่ายจีนเรียกร้อง วอลล์สตรีทยังประกาศไม่ยอมขอโทษ เหตุการณ์นั้นถือป็นครั้งแรกที่จีนขับผู้สื่อข่าวต่างชาติภายหลังจากปี 1998

ความขัดแย้งยิ่งบานปลายเมื่อทางการอเมริกากำหนดว่าองค์กรสื่อของรัฐบาลจีนที่ดำเนินการในสหรัฐฯ ต้องถือว่ามีฐานะเป็นคณะทูตต่างชาติ ไม่ใช่สื่อมวลชนต่างประเทศ

ในวันพุธ เอฟซีซีซีแถลงคัดค้านมาตรการล่าสุดของจีนและเตือนว่า จะไม่มีผู้ชนะในการต่อสู้ของสองมหาอำนาจที่ใช้ผู้สื่อข่าวเป็นเบี้ยทางการทูต

ขณะที่ ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ตอบโต้ความเคลื่อนไหวล่าสุดของปักกิ่งว่า จะทำให้โลกและคนจีนเองขาดแคลนข้อมูลข่าวสารในช่วงเวลาที่ “ท้าทายเหลือเชื่อ” อันเนื่องมาจากไวรัสโคโรนา

บรรดาบรรณาธิการบริหารของหนังสือพิมพ์ 3 ฉบับที่เป็นเป้าหมายการตอบโต้ของจีนครั้งนี้ต่างประณามคำสั่งดังกล่าว เช่น ดีน บาเก็ต จากนิวยอร์กไทมส์ ระบุว่า จีนกำลังทำผิดพลาดร้ายแรง และแสดงความหวังว่า วอชิงตันและปักกิ่งจะแก้ไขข้อพิพาทนี้โดยเร็วเพื่อให้ผู้สื่อข่าวทำหน้าที่ได้ตามปกติ

ทั้งนี้ การระบาดของไวรัสโคโรนาทำให้จีนและอเมริกายิ่งแตกขั้วหนักขึ้น โดยที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และพอมเพโอมักเรียกไวรัสนี้ว่า “ไวรัสจีน” หรือ “ไวรัสอู่ฮั่น” และปักกิ่งประณามว่า การใช้คำเหล่านั้นเป็นการตีตราสร้างความเสื่อมเสียให้จีน

กระนั้น เมื่อวันอังคาร (17) ทรัมป์ยังสำทับกับนักข่าวว่า ไวรัสดังกล่าวมาจากจีน ดังนั้น การเรียกว่า ไวรัสจีนถือว่า ถูกต้องอย่างมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น