เอเอฟพี - รัฐบาลออสเตรเลียสั่งห้ามผู้ที่เดินทางจากอิตาลีเข้าประเทศ พร้อมจัดสรรงบประมาณ 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อใช้ในการทำสงครามต่อต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ‘โควิด-19’ ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อภายในประเทศพุ่งทะลุ 100 คน
นายกรัฐมนตรี สก็อตต์ มอร์ริสัน ระบุว่า งบประมาณ 2,400 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 49,000 ล้านบาท) จะถูกใช้เพื่อยกระดับบริการทางการแพทย์ในแดนจิงโจ้ ซึ่งคาดว่าจะต้องรับภาระหนักขึ้นหากไวรัสแพร่กระจายในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า
จนถึงขณะนี้ออสเตรเลียมีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว 116 คน เสียชีวิตแล้ว 3 คน แต่มีเพียงเคสเดียวเท่านั้นที่เกิดจากการแพร่เชื้อในท้องถิ่นโดยที่ผู้ป่วยไม่มีประวัติเดินทางไปต่างแดน
เพื่อยับยั้งการนำเข้าผู้ป่วยจากภายนอก รัฐบาลออสเตรเลียจึงได้ประกาศห้ามผู้เดินทางจากอิตาลีเข้าประเทศตั้งแต่เวลา 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นวันนี้ (11 มี.ค.) หลังจากที่สั่งแบนผู้เดินทางจากจีน อิหร่าน และเกาหลีใต้ไปแล้วก่อนหน้า
“สถานการณ์ในอิตาลีตอนนี้อยู่ในระดับเดียวกับประเทศอื่นๆ ที่เราได้มีมาตรการห้ามเดินทางไปแล้วก่อนหน้า ดังนั้น รัฐบาลจึงเห็นควรขยายคำสั่งให้ครอบคลุมอิตาลีด้วย” ผู้นำออสซี่ ระบุ
ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในอิตาลีพุ่งทะลุหลัก 10,000 คน และมีผู้ป่วยเสียชีวิตแล้วกว่า 630 คน
ผู้นำออสเตรเลียชี้แจงว่า เงินทุนฉุกเฉินจะถูกนำไปสนับสนุนการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ที่จำเป็นสำหรับคลินิกโรคทางเดินหายใจ, ให้บริการตรวจคัดกรองโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่ฟรี, ให้คำปรึกษาทางแพทย์ผ่านทางไกล, จัดส่งยารักษาโรคให้แก่ผู้ป่วยสูงอายุ และอื่นๆ
ผู้ติดเชื้อใหม่ในออสเตรเลียอย่างน้อย 5 รายเป็นเคสที่นำเข้ามาจากสหรัฐอเมริกา
นายกฯ ออสซี่ ยังเลี่ยงที่จะตอบคำถามสื่อมวลชนว่าสหรัฐฯ เป็นอีกหนึ่งประเทศที่สถานการณ์กำลังน่าเป็นห่วงหรือไม่ ขณะที่ เบรนดัน เมอร์ฟีย์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่แพทย์ของออสเตรเลีย ยอมรับว่า สหรัฐฯ “เริ่มตรวจคัดกรองผู้ป่วยช้าไปหน่อย” และออสเตรเลียกำลังเฝ้าจับตาการระบาดในอเมริกาอย่างใกล้ชิด