เอเอฟพี/รอยเตอร์ - จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ทั่วโลก พุ่งเหนือ 100,000 คนแล้วในวันศุกร์ (6 มี.ค.) ขณะที่มันแผ่ลามไปยังประเทศต่างๆ เพิ่มเติม และก่อความเสียหายทางเศรษฐกิจหนักหน่วงขึ้น ห้างร้านธุรกิจเวิ้งว้างว่างเปล่าและตลาดหุ้นดำดิ่ง
มีประชาชนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ต้องเผชิญกับสภาพความเป็นจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จำนวนมากถูกขอให้ทำงานจากที่บ้าน, โรงเรียนต่างๆ ต้องหยุดการเรียนการสอน, การรวมตัวของคนหมู่มากและกิจกรรมต่างๆถูกยกเลิก ขณะที่สินค้าจำเป็นต่างๆ อย่างเช่น เจลล้างมือ, น้ำดื่ม, หน้ากากอนามัยและอื่นๆ หมดเกลี้ยง และพบเห็นผู้คนสวมหน้ากากอนามัยจนเป็นเรื่องปกติ
จากการนับของเอเอฟพี ยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลกอยู่ที่ 3,407 คน ในขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งแตะ 100,002 คน หลังจากพบผู้ติดเชื้อทั่วโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่ 17.00 จีเอ็มที ของวันพฤหัสบดี (ตรงกับเมืองไทย 24.00 น.) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอิหร่าน อีกจุดสาหัสของโลก ที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มเติม 1,234 คน ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
จีน ซึ่งไม่รับรวมฮ่องกง และ มาเก๊า จุดที่ไวรัสปรากฏตัวขึ้นมาครั้งแรกในช่วงปลายเดือนธันวาคม ยอดผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 80,552 คน ในนั้นเสียชีวิต 3,042 ราย โดยนับตั้งแต่ 17.00 จีเอ็มที ของวันพฤหัสบดี พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 143 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 30 ราย
ส่วนในดินแดนอื่นๆ นอกประเทศจีน มีผู้ติดเชื้อรวมกันทั่่วโลกแล้วกว่า 19,450 คน ในนั้นเสียชีวิต 365 ราย โดยนับตั้งแต่17.00 จีเอ็มที ของวันพฤหัสบดี พบผู้ติดเชื้อรายใหม่นอกจีน 2,349 คน และเสียชีวิต 31 ราย
ประเทศที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดรองจากจีน ได้แก่ เกาหลีใต้ (ติดเชื้อ 6,284 คน เสียชีวิต 42 คน), อิตาลี (ติดเชื้อ 3,858 คน เสียชีวิต 148 คน), อิหร่าน (ติดเชื้อ 4,747 คน เสียชีวิต 124 คน) และ ฝรั่งเศส (ติดเชื้อ 577 คน เสียชีวิต 9 คน)
เซอร์เบีย, วาติกัน, สโลวาเกีย, เปรู, ภูฏาน, แคเมอรูน และ โตโก เป็นดินแดนล่าสุดที่ยืนยันพบผู้ติดเชื้อรายแรก
หากแยกเป็นรายทวีป จนถึงตอนเวลา 15.00 จีเอ็มที ของวันศุกร์ (ตรงกับเมืองไทย 22.00 น.) จากข้อมูลของเอเอฟพี พบว่า ในเอเชีย มีผู้ติดเชื้อ 88,388 คน (เสียชีวิต 3,101 คน), ยุโรป มีผู้ติดเชื้อ 6,284 คน (เสียชีวิต 165 คน), ตะวันออกกลาง มีผู้ติดเชื้อ 4,993 คน (เสียชีวิต 127 คน), สหรัฐฯและแคนาดา ติดเชื้อ 194 คน (เสียชีวิต 12 คน), โอเชียเนีย ติดเชื้อ 68 คน (เสียชีวิต 2 คน) ละตินอเมริกาและแคริบเบียน ติดเชื้อ 34 คน ส่วนแอฟริกาติดเชื้อ 41 คน
ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวเป็นการรวบรวมข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ของแต่ละชาติและข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกโดยเจ้าหน้าที่ของสำนักข่าวเอเอฟพี