เอเจนซีส์ – แอนโธนี เลเวนดาวสกี (Anthony Levandowski) อดีตผู้บริหารแท็กซี่อูเบอร์ยูนิตรถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ถูกสั่งในวันพุธ(4 มี.ค)ให้จ่ายค่าปรับจำนวนมหาศาลร่วม 179 ล้านดอลลาร์แก่บริษัทกูเกิลคู่แข่ง ส่งผลทำให้เขาขอยื่นล้มละลายหลังจากนั้น
หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานวันนี้(5 มี.ค)ว่า ค่าปรับมหาศาลที่ถูกอนุมัติโดยผู้พิพากษาศาลสูงในเมืองซานฟรานซิสโกวันพุธ(4) นั้นเป็นความลับ แต่ทว่าได้ถูกเปิดเผยในการยื่นต่อคณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ SEC ที่เป็นอีกหนึ่งผลร้ายต่อตัวแอนโธนี เลเวนดาวสกี (Anthony Levandowski) อดีตผู้บริหารแท็กซี่อูเบอร์ยูนิตรถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ที่ในเวลานี้ถูกดำเนินคดีข้อหาการแอบมีความลับทางการค้าของกูเกิล
ทั้งนี้พบว่าเลเวนดาวสกีลาออกจากบริษัทกูเกิลเมื่อปี 2016 เพื่อตั้งบริษัทออตโต (Otto) ซึ่งเป็นบริษัทรถบรรทุกขับเคลื่อนด้วยตัวเอง และในเดือนสิงหาคมของปีเดียวกัน(2016) ทางอูเบอร์ได้เข้าซื้อกิจการบริษัทออตโตมูลค่า 700 ล้านดอลลาร์
แต่อย่างไรก็ตามพบว่าอูเบอร์ท้ายที่สุดจ่ายน้อยกว่านั้นมากเนื่องมาจากที่พนักงานบริษัทออตโตหากไม่ลาออกก็ถูกสั่งให้ออกก่อนที่บริษัทจะถูกอนุญาตให้ควบรวมสำเร็จ และมหากาพย์เริ่มขึ้นเมื่ออีก 6 เดือนหลังจากนั้นทางบริษัทกูเกิลได้ฟ้องอูเบอร์โดยกล่าวหาว่า ทางอูเบอร์ได้สมคบคิดกับ “เลเวนดาวสกี” ซึ่งเป็นวิศวกรซอฟต์แวร์ ในการขโมยความลับทางการค้าจากยูนิตรถขับเคลื่อนที่ด้วยตัวเองของทางกูเกิลที่รู้จักในนาม “เวย์โม” ( Waymo)
ทั้งนี้พบว่าทางอูเบอร์สามารถประนีประนอมในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2018 5 วันหลังจากเข้าสู่การพิจารณาไต่สวน ตกลงยอมจ่าค่าความเสียหายจำนวนไม่ต่ำกว่า 244 ล้านดอลลาร์ให้กับกูเกิล
แต่พบว่าทางกูเกิลยังได้ยื่นดำเนินคดีต่อตัวเลเวนดาวสกี และในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาพบว่าทางกูเกิลได้รับคำตัดสินให้ได้รับค่าตอบแทนความเสียหายซึ่งจำนวนค่าปรับนี้ถูกศาลพิจารณาให้เป็นที่สิ้นสุดในวันพุธ(4)ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย
ซึ่งส่วนหนึ่งของการที่เลเวนดาวสกีทำงานให้กับอูเบอร์ ทำให้บริษัทแท็กซี่อูเบอร์ตกลงที่จะจ่ายค่าธรรมเนียมทางกฎหมายให้กับตัวเขา รวมไปถึงคำตัดสินใดๆที่จะมีขึ้นต่อตัวเลเวนดาวสกี แต่ทว่าอูเบอร์ได้กล่าวผ่านการยื่นฟ้องต่อคณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ SEC ในวันจันทร์(2) ระบุว่า ค่าธรรมเนียมยังเป็นสิ่งที่ยังคงต้องตกลงระหว่าง 2 ฝ่าย
ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อัยการสหรัฐฯประจำเขตเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนียออกมายื่นฟ้องเลเวนดาวสกี โดยชี้ว่าเขาได้ขโมยหรือพยายามที่จะขโมยไฟล์ความลับจากยูนิตเวย์โมของกูเกิล ซึ่งส่งผลทำให้เขาอาจต้องอยู่ในเรือนจำนานสูงสุด 10 ปีหากชี้ว่ามีความผิดจริง แต่ตัวเลเวนดาวสกีปฎิเสธความผิดใดๆ
ซึ่งในคดีแพ่งระหว่างบริษัทกูเกิลและบริษัทอูเบอร์ พบว่าเลเวนดาวสกีได้ใช้สิทธิ์พลเมืองสหรัฐฯฉบับแก้ไขข้อ5 ด้วยการปฎิเสธที่จะส่งมอบเอกสารในคดี ส่งผลทำให้ผู้พิพากษาของคดีในเวลานั้นได้แนะนำให้ทางอัยการสหรัฐฯเปิดการสอบสวนทางอาญาต่อตัวเขา
