รอยเตอร์ - ลี มันฮี ผู้ก่อตั้งโบสถ์ชินชอนจีแห่งพระเยซู (Shincheonji Church of Jesus) ออกมาคุกเข่าขออภัยต่อประชาชน วานนี้ (2 มี.ค.) โดยยอมรับว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็น “หายนะครั้งใหญ่” ของประเทศ แต่ปฏิเสธที่จะเข้ารับการตรวจร่างกาย จนกระทั่งผู้ว่าการจังหวัดขู่จะใช้กำลังลากตัวไปจึงได้ยอม ขณะที่หน่วยงานสาธารณสุขเกาหลีใต้ ยืนยันผลตรวจร่างกายผู้นำโบสถ์ออกมาเป็น “ลบ” ส่วนยอดผู้ติดเชื้อในเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นเป็น 4,812 คน
สมาชิกหญิงของโบสถ์ชินชอนจี ซึ่งเป็นผู้ป่วยรายที่ 31 ของเกาหลีใต้ (Patient 31) ได้นำเชื้อไปแพร่ระหว่างทำกิจกรรมภายในโบสถ์ ส่งผลให้ไวรัสแพร่กระจายกลายเป็นการระบาดครั้งใหญ่ที่เวลานี้พบผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 4,800 คน
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลีใต้ (KCDC) ยืนยันพบผู้ติดเชื้อใหม่รวม 600 ราย ในวันนี้ (3 มี.ค.) และมีผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มอีก 3 คน
สถานการณ์การแพร่ระบาดในเกาหลีใต้ นับว่า เลวร้ายที่สุดรองจากจีนแผ่นดินใหญ่ โดยผู้ป่วยส่วนมากอยู่ในเมืองแทกู (Daegu) ซึ่งเป็นที่ตั้งสาขาของโบสถ์ชินชอนจี และมีความเชื่อมโยงกับผู้ติดเชื้อรายที่ 31
หลังจากที่ ลี มันฮี ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวเมื่อวานนี้ (2) ผู้ว่าการจังหวัดกยองงี ได้ขู่จะนำกำลังตำรวจบุกเข้าไปในบ้านของเขา หากยังปฏิเสธไม่ยอมไปตรวจร่างกาย
“ถ้าคุณไม่ยอมไปตรวจ ผมจะไม่เพียงขอให้มีการสอบสวนเท่านั้น แต่จะเข้าไปจับคุณส่งตำรวจเดี๋ยวนี้ นี่คือ คำเตือนครั้งสุดท้าย” ลี แจ-มยุง ผู้ว่าการจังหวัดกยองงีโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก และต่อมาก็มีรายงานว่าผู้นำโบสถ์ชินชอนจียอมเข้ารับการตรวจแล้ว
คิม จองชอน นายกเทศมนตรีเมืองกวาชอน (Gwacheon) ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของโบสถ์ชินชอนจี ระบุว่า นาย ลี ถูกนำตัวไปตรวจสุขภาพที่คลินิกไดรฟ์ทรูแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบริการสุขภาพแบบใหม่ที่รัฐบาลเกาหลีใต้เปิดให้บริการในหลายเมือง เพื่อให้ผู้ที่มีอาการต้องสงสัยสามารถเข้ารับการตรวจจากแพทย์โดยไม่ต้องลงจากรถ
เจ้าหน้าที่จังหวัดกยองงี (Gyeonggi) ระบุว่า ผลตรวจร่างกายของ ลี ออกมาเป็น “ลบ” ซึ่งหมายถึงไม่พบเชื้อไวรัส
หลายคนออกมาวิจารณ์ว่ากิจกรรมของโบสถ์ชินชอนจี ซึ่งมีลักษณะปิดบังซ่อนเร้น และมีสาวกเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เชื้อแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
โบสถ์ชินชอนจีถูกสังคมเกาหลีใต้วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก และยังถูกนักการเมืองท้องถิ่นฟ้องร้องเอาผิดทางอาญา แม้ว่า ลี จะยอมให้ความร่วมมือกับมาตรการสกัดกั้นโรค โดยส่งมอบรายชื่อสมาชิก และ “ผู้เข้าร่วมการฝึก” ราว 310,000 คน ให้แก่ทางการเพื่อทำการตรวจหาเชื้อไวรัสแล้วก็ตามที
ทางโบสถ์พยายามชี้แจงว่า สมาชิกของตนก็เป็น “เหยื่อ” ของโรคนี้เช่นกัน และอ้างว่าสังคมกำลังเข้าใจพวกเขาผิดๆ
