รอยเตอร์/mgronline - พลเมืองชาวจีนคนหนึ่งซึ่งติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ถูกทางการสิงคโปร์กล่าวหาให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับสถานที่พำนักภายในประเทศและประวัติการเดินทาง ทำให้มีสิทธิ์ติดคุกสุงสุด 6 ปี
สิงคโปร์ได้รับเสียงชื่นชมจากนานาชาติต่อแนวทางละเอียดรอบรอบในการจัดการกับไวรัสโควิด-19 ในนั้นรวมถึงการใช้ทีมสืบสวนของตำรวจและกล้องวงจรปิดสำหรับติดตามพวกผู้ต้องสงสัยเป็นพาหะนำโรค ในขณะที่จนถึงตอนนี้ดินแดนแห่ง ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านการงินและด้านการขนส่งอันสำคัญของภูมิภาค ยืนยันพบผู้ติดเชื้อ 91 ราย
กระทรวงสาธารณสุขระบุในวันพุธ (26 ก.พ.) เปิดเผยว่า ได้ตั้งข้อหาชายวัย 38 ปีรายหนึ่งจากอู่ฮั่น เมืองในประเทศจีนซึ่งไวรัสปรากฏตัวขึ้นมาครั้งแรกเมื่อปลายปีที่แล้ว และภรรยาของเขาซึ่งพักอาศัยอยู่ในสิงคโปร์ ฐานให้ข้อมูลเท็จกับเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับประวัติการเดินทางของพวกเขาสำหรับติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิด
ผู้เป็นสามีได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 ในช่วงปลายเดือนมกราคม และนับตั้งแต่นั้นอาการฟื้นตัวแล้ว ส่วนภรรยาของเขาต้องอยู่ภายใต้มาตรการกักกันโรค สืบเนื่องจากสัมผัสใกล้ชิดกับเขา
กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ ระบุว่า “จากรายละเอียดของการสืบสวน ทำให้ทราบถึงความเคลื่อนไหวที่แท้จริงของพวกเขา และพวกเขาได้ถูกตั้งข้อหาในมุมมองที่ว่าอาจเกิดผลลัพธ์ที่ร้ายแรงจากการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ และความเสี่ยงที่พวกเขาก่อแก่สุขภาพของประชาชน”
การดำเนินคดีในข้อหาต่างๆ ภายใต้กฎหมายโรคติดต่อเกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งนัก และมันเป็นคดีแรกระหว่างการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสิงคโปร์ ทั้งนี้ ผู้กระทำผิดภายใต้กฎหมายนี้มีสิทธิ์ถูกปรับเงินสูงสุด 10,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (2.2แสนบาท) หรือจำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในวันพุธ (26 ก.พ.) เช่นกัน ชายวัย 45 ปีคนหนึ่ง สูญเสียสถานะผู้พำนักในสิงคโปร์ หลังไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งให้อยู่แต่ในบ้านเป็นเวลา 14 วัน หลังเดินทางกลับมาจากจีน
ขณะเดียวกัน ประเทศที่มีชื่อเสียงด้านกฎหมายอันเข้มข้นแห่งนี้ ยังยกเลิกใบอนุญาตทำงานและปรับลดสิทธิของนายจ้าง ซึ่งจ้างงานชาวต่างชาติที่ฝ่าฝืนมาตรการอื่นๆสำหรับป้องกันไวรัสด้วย
การดำเนินคดีในสิงคโปร์ มีขึ้นในขณะที่ประเทศไทยได้เกิดกรณีคล้ายกัน เมื่อปู่ย่าเที่ยวกรุ๊ปฮอกไกโด กลับเข้าไทยโดยปกปิดประวัติเดินทางท่องเที่ยวประเทศเสี่ยงเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งสุดท้ายก็พบว่าปู่คนดังกล่าวติดเชื้อไวรัสและหลาน 2 คน ที่ไม่ได้เดินทางไปด้วยมีผลตรวจเชื้อออกมาเป็นบวก โหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ลุกลามในประเทศไทย