เอเจนซีส์ - เกิดเหตุคนร้ายขับรถยนต์พุ่งชนทหารอิสราเอลในนครเยรูซาเลม ทำให้มีผู้บาดเจ็บรวม 14 คนเมื่อช่วงกลางดึกวันนี้ (6 ก.พ.) ล่าสุดขบวนการอิสลามิสต์ ‘ฮามาส’ ในปาเลสไตน์ออกมาแถลงชื่นชมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นการตอบโต้แผนสันติภาพตะวันออกกลางของสหรัฐฯ ซึ่งเอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายอิสราเอล
เหตุโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนเวลา 2.00 น. เพียงเล็กน้อยบนถนน เดวิด เรเมซ ใกล้ๆ กับย่าน ‘เฟิร์ส สเตชัน’ แหล่งรวมวัฒนธรรมและความบันเทิงที่มีชื่อเสียงในนครเยรูซาเลม โดยทางการอิสราเอลกำลังตามล่าตัวคนร้ายซึ่งขับรถหนีไปหลังก่อเหตุ
โฆษกกองทัพอิสราเอลระบุว่า ทหารกลุ่มนี้กำลังจะเข้าพิธีสาบานตนหลังผ่านการฝึกเบื้องต้น และออกมาเดินเที่ยวในเมือง
หน่วยรถพยาบาล มาเกน เดวิด อาดอม (MDA) ระบุว่าได้นำทหารอายุ 20 ปีจำนวน 2 นายส่งโรงพยาบาล โดยคนหนึ่งบาดเจ็บสาหัส และอีกคนเจ็บไม่มากนัก
มิคกี โรเซนเฟลด์ โฆษกตำรวจอิสราเอลยืนยันว่า เหตุโจมตีครั้งนี้กำลังถูกสอบสวนในฐานะ “คดีก่อการร้าย” แต่เวลานี้ยังตามจับผู้ก่อเหตุไม่ได้
ทั้งนี้ เคยมีคนร้ายใช้วิธีขับรถพุ่งชนทหารอิสราเอลมาแล้วหลายครั้ง ทั้งในพื้นที่ยึดครองเวสต์แบงค์และในนครเยรูซาเลม
ขบวนการฮามาสซึ่งควบคุมพื้นที่ในฉนวนกาซายกย่องเหตุโจมตีครั้งล่าสุดนี้ว่าเป็น “การตอบสนองในเชิงปฏิบัติ” ต่อแผนสันติภาพตะวันออกกลางของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ โดย ฮาเซ็ม กอเซ็ม โฆษกฮามาส ระบุว่านี่คือส่วนหนึ่งของ “ปฏิบัติการต่อต้าน” แต่ก็ไม่ถึงกับอ้างความรับผิดชอบ
ความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์กลับมาตึงเครียดหนักอีกครั้ง หลังจากผู้นำสหรัฐฯ ออกมาเสนอแผนสันติภาพเมื่อวันที่ 28 ม.ค. โดยยังคงให้อิสราเอลได้ในสิ่งที่เรียกร้องเกือบทุกประการ ซึ่งฝ่ายปาเลสไตน์ไม่อาจจะยอมรับได้