รอยเตอร์ - นายกรัฐมนตรี อิมราน ข่าน แห่งปากีสถานประกาศจะรับซื้อน้ำมันปาล์มจากมาเลเซียให้มากขึ้นเท่าที่จะทำได้ หลังอินเดียซึ่งเป็นผู้ซื้อรายใหญ่คว่ำบาตรน้ำมันปาล์มแดนเสือเหลืองตั้งแต่เดือนที่แล้ว
รัฐบาลอินเดียได้เพิ่มข้อจำกัดในการนำเข้าน้ำมันปาล์มกลั่น และร้องขอแบบไม่เป็นทางการให้ผู้ค้าในประเทศงดซื้อน้ำมันปาล์มจากมาเลเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกอันดับ 2 ของโลก ทั้งนี้ก็เพื่อแก้แค้นที่นายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮาหมัด เคยวิจารณ์อินเดียว่าใช้นโยบายกีดกันต่อชาวมุสลิมจากกรณีการถอนสิทธิ์ปกครองตนเองของแคว้นแคชเมียร์
ทั้งนี้ อินเดียมีประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดู ขณะที่มาเลเซียและปากีสถานต่างก็เป็นประเทศมุสลิม
อินเดียและปากีสถานมีข้อพิพาทต่อกันมาช้านานนับตั้งแต่ “บริติชราช” ถูกแบ่งออกเป็น 2 รัฐเอกราชในปี 1947 และถึงขั้นทำสงครามกันมาแล้ว 3 ครั้งเพื่อแย่งชิงแดนแดนรัฐจัมมูและแคชเมียร์
มหาเธร์ ได้หยิบยกปัญหาน้ำมันปาล์มมาหารือกับ ข่าน ซึ่งเดินทางเยือนมาเลเซียแบบรัฐพิธี ซึ่งผู้นำปากีสถานก็รับปากจะนำเข้าจากมาเลเซียให้มากขึ้นกว่าเดิม
“ถูกต้องแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราเห็นว่าอินเดียข่มขู่และหยุดนำเข้าน้ำมันปาล์มจากมาเลเซียเนื่องจากไม่พอใจที่สนับสนุนแคชเมียร์” ข่าน ระบุในงานแถลงข่าว
“ปากีสถานจะพยายามทำอย่างดีที่สุดเพื่อทดแทนในส่วนนี้”
ข่าน เผยด้วยว่า รัฐบาลมาเลเซียและปากีสถานจะทำโครงการร่วมเพื่อโปรโมตภาพลักษณ์ที่ดีของศาสนาอิสลาม ต่อต้านกระแสเกลียดชังอิสลาม (Islamophobia) และพัฒนาคอนเทนต์ที่เหมาะสมสำหรับเยาวชนมุสลิมรุ่นใหม่
ปากีสถานนำเข้าน้ำมันปาล์มจากมาเลเซียราวๆ 1.1 ล้านตันในปีที่แล้ว ขณะที่อินเดียนำเข้าถึง 4.4 ล้านตัน ตามข้อมูลจากสภาน้ำมันปาล์มแห่งมาเลเซีย