xs
xsm
sm
md
lg

คอลัมน์นอกหน้าต่าง: มหาวิทยาลัยสหรัฐฯที่มีนศ.จีนเรียนเยอะ กลายเป็น ‘แนวหน้า’ ในการสกัดไวรัส

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


<i>ผู้โดยสารสวมหน้ากากอนามัย ขณะพวกเขาเดินทางโดยเที่ยวบินจากเอเชียมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติลองแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว  ทั้งนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เนื่องจากมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯมีนักศึกษาชาวจีนเรียนอยู่เป็นจำนวนมาก จึงทำให้ที่นั่นกลายเป็น “แนวหน้า” ของสหรัฐฯ ในการสู้รบสกัดกั้นการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ </i>
ภายในวิทยาเขตอันกว้างขวางซึ่งตั้งอยู่บริเวณดินแดนตอนในของอเมริกา ห่างจากประเทศจีนนับพันนับหมื่นกิโลเมตร มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ วิทยาเขต เออร์แบนา-แชมเปญจน์ (University of Illinois at Urbana-Champaign ใช้อักษรย่อว่า UIUC) กำลังนำเอามาตรการเชิงรุกหลายๆ ประการมาใช้ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว บุกเข้ามาถึงห้องเรียนและนักศึกษาหลายหมื่นคนของตน

สถาบันการศึกษาแห่งนี้ ซึ่งมีอัตราส่วนเปอร์เซ็นต์ของนักศึกษาชาวจีนสูงที่สุดแห่งหนึ่งในบรรดามหาวิทยาลัยสหรัฐฯทั้งหลาย ได้ประกาศงดโปรแกรมทางวิชาการในประเทศจีนสำหรับภาคเรียนฤดูใบไม้ผลินี้ และห้ามนักศึกษาเดินทางไปยังแดนมังกรด้วยกิจอันเกี่ยวกับวิชาการ นอกจากนั้นยังแนะนำคณาจารย์และเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำในการเดินทางไปต่างประเทศของทางรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ซึ่งเมื่อวันศุกร์ (31 ม.ค.) ได้เตือนไม่ให้เดินทางไปยังจีน

“เราต้องการที่จะใช้มาตรการเตือนภัยล่วงหน้าทั้งหมดที่เราสามารถทำได้ เป็นมาตรการรับมือกับฉากทัศน์สมมุติสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เพราะเราต้องการรักษาให้ประชาคมของเรามีสุขภาพที่ดี” เป็นคำกล่าวของ โรบิน เคเลอร์ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการสาธารณะของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองชิคาโกไปทางใต้ราว 217 กิโลเมตร โดย ณ นครใหญ่แห่งนี้เอง ที่มีการยืนยันผู้ติดเชื้อแบบถ่ายทอดจากมนุษย์สู่มนุษย์เป็นรายแรกในสหรัฐฯเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ในสหรัฐอเมริกาเวลานี้มีนักศึกษาชาวจีนมากกว่า 350,000 คนกำลังศึกษาในระดับอุดมศึกษา และก็มีนักศึกษาชาวอเมริกันราว 10,000 คนสมัครเข้าเรียนในโปรแกรมทางวิชาการในประเทศจีน

ด้วยขนาดอันอุ่นหนาฝาคั่งของนักศึกษา ซึ่งจำนวนมากได้เดินทางกลับไปยังประเทศบ้านเกิดของพวกเขาในระยะไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มหาวิทยาลัยต่างๆ มีโอกาสที่จะกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อซึ่งอาจก่อให้เกิดการระบาดอย่างกว้างขวางในสหรัฐฯ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงที่ว่า พวกนักศึกษาใช้ชีวิตในหอพักที่มีการดำเนินกิจวัตรประจำวันใกล้ชิดกันมาก

“วิทยาลัยและมหาวิทยาลัยต่างๆ มีสภาพเหมือนกันมากกับพวกที่อยู่แนวหน้า สืบเนื่องจากบทบาทของเราในฐานะที่เป็นสถาบันระดับโลก” ซาราห์ ฟาน ออร์แมน ประธานเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ของมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย (University of Southern California ใช้อักษรย่อว่า USC) กล่าว “ความท้าทายอยู่ตรงที่ต้องทำให้แน่ใจว่า เรากำลังสุขุมรอบคอบ ขณะเดียวกันก็ไม่เน้นย้ำความเสี่ยงอย่างเกินเลยไป”

ในการรับมือกับการระบาดครั้งใหม่คราวนี้ พวกเจ้าหน้าที่ของวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ สามารถเก็บรับบทเรียนประสบการณ์จากความตื่นตระหนักด้านสาธารณาสุขคราวก่อนๆ รวมทั้งครั้งที่เกิดการระบาดของไวรัสโคโรนา “ซาร์ส” เมื่อปี 2003

<i>บุคลากรในชุดป้องกันอันตรายทางชีวภาพ เฝ้ารอผู้โดยสารชาวอเมริกันราว 200 คน ซึ่งอพยพออกจากเมืองอู่ฮั่น  มาถึงฐานทัพอากาศในเมืองริเวอร์ไซด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่  ทำให้พวกมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ซึ่งมีนักศึกษาชาวจีนอยู่จำนวนมาก มองว่าตนเองเป็น “แนวหน้า” ในการสกัดกั้นไวรัสนี้</i>
ความสมดุลอันละเอียดอ่อน’

ณ มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ วิทยาเขต เออร์แบนา-แชมเปญจน์ ที่มีนักศึกษาจีนศึกษาเล่าเรียนอยู่ราว 5,800 คน รองอธิการบดีเคเลอร์ก็มองว่า ความท้าทายประการหนึ่งคือการรักษาให้วิทยาเขตปลอดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยที่ไม่มีการล่วงละเมิดสิทธิหรือแพร่กระจายความหวาดกลัวชาวต่างชาติ

เธอบอกว่า ในเวลารับมือกับประเด็นปัญหาทางสาธารณสุขที่กำลังทวีความใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ เช่นนี้ มีความจำเป็นที่จะต้องทำให้เกิด “ความสมดุลอันละเอียดอ่อน” ระหว่างความปลอดภัยของสาธารณชน กับเสรีภาพส่วนบุคคล

กระนั้นก็ตาม พวกเจ้าหน้าที่มีความยินดีที่จะกระทำความผิดพลาดในข้างที่เป็นการมุ่งระวังป้องกันไว้ก่อนมากกว่า ดังที่เธอบอกว่า “ถ้าพวกเขาต้องการมาและผสมปนเปกับพวกเราในเวลาต่อไป เราก็ต้องการที่จะให้พวกเขายังคงมีชีวิตอยู่เพื่อที่จะได้สามารถเข้ามาผสมปนเปกับพวกเรา มากกว่านะ”

ที่มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีนักศึกษาจากจีนมาเข้าเรียนราว 6,600 คน ก็ได้ใช้มาตรการทำนองเดียวกันในการห้ามนักศึกษาไม่ให้เดินทางไปยังแดนมังกร รวมทั้งให้คำแนะนำอย่างแข็งขันแก่คณาจารย์และเจ้าหน้าที่ว่าอย่าได้เดินทางไป

พวกเจ้าหน้าที่ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ยังส่งเสริมสนับสนุนให้บรรดานักศึกษาที่มาจากเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดในจีน พูดจากับบรรดาที่ปรึกษานักแนะแนวของมหาวิทยาลัย เกี่ยวกับความกังวลห่วงใยที่พวกเขามีต่อผู้เป็นที่รักซึ่งยังอยู่ในบ้านเกิด ขณะเดียวกันก็พยายามไม่ทำให้เกิดการตีตราบาปใส่พวกนักศึกษาชาวจีนในมหาวิทยาลัย

สำหรับที่มหาวิทยานิวยอร์ก (New York University ใช้อักษรย่อว่า NYU) ซึ่งมีนักศึกษาชาวจีนมากกว่า 7,000มา เข้าเรียนที่สถาบัน ได้ใช้วิธีเลื่อนการเปิดภาคเรียนฤดูใบไม้ผลิ ของวิทยาเขต NYU เซี่ยงไฮ้ ของตนออกไป 2 สัปดาห์ เป็นวันที่ 17 กุมภาพันธ์

นักศึกษาทั้ง 60,000 คนของมหาวิทยาลัยนั้น สามารถเข้าถึงการเรียนการสอนรายวิชาทางออนไลน์ได้อยู่แล้ว นอกจากนั้นยังมีโปรแกรมทางเลือกในต่างประเทศสำหรับรองรับนักศึกษาที่ถูกกระทบกระเทือนจากการเลื่อนเวลาเปิดปิด และประสบกับข้อจำกัดในการเดินทาง

อย่างไรก็ดี จอห์น เบคแมน โฆษกของ NYU บอกว่า ทางเจ้าหน้าที่ของศูนย์สาธารณสุขของมหาวิทยาลัย “มีความระแวดระวังเป็นพิเศษเกี่ยวกับการเดินทางและประวัติในการติดต่อกับผู้คน ในเวลาที่พวกเขาประเมินนักศึกษาซึ่งตอนนี้แสดงอาการหรือระบุว่ามีความเจ็บป่วยระบบทางเดินหายใจ”

พวกเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ วิทยาเขต เออร์แบนา-แชมเปญจน์ ก็เช่นกัน มีการติดต่อกับนักศึกษา 150 คนที่มาจากเมืองอู่ฮั่นกันเป็นรายคน และสอบถามพวกเขาเพื่อเตรียมมาตรการป้องกันไว้ก่อนที่จำเป็น รวมทั้งหากนักศึกษาเหล่านี้รู้สึกไม่สบาย ก็จะได้รับการดูแลทางการแพทย์ในทันที

นักศึกษาจำนวนมากซึ่งเพิ่งกลับไปบ้านที่อู่ฮั่นเมื่อเร็วๆ นี้ ต่างตอบสนองต่อมาตรการของทางมหาวิทยาลัย และกล่าวว่าพวกเขากำลังดำเนินการกักกันโรคด้วยตนเอง ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาก็กำลังช่วยเหลือนักศึกษาเหล่านี้ในการติดต่อกับอาจารย์ต่างๆ เพื่อให้พวกเขายังคงสามารถศึกษาต่อไปได้ขณะที่อยู่กับบ้าน

“เห็นชัดว่าพวกนักศึกษาเหล่านี้มีความห่วงใยตัวเองเป็นอย่างมาก” รองอธิการบดีเคเลอร์กล่าว “เราพบว่านักศึกษาของเรามีความรับผิดชอบสูงและมีการตอบรับดี เมื่อเราเรียกร้องให้พวกเขาใช้มาตรการระมัดระวังไว้ก่อน”

อย่างไรก็ตาม เคเลอร์กล่าวเตือนว่า ภาพของนักศึกษาชาวเอเชียจำนวนมากกำลังสวมหน้ากากอนามัยเพื่อเป็นมาตรการในการป้องกันโรค ขณะที่พวกเขาอยู่ภายในมหาวิทยาลัยนั้น อาจนำไปสู่การถูกสรุปแบบเหมารวมและการถูกแบ่งแยกกีดกัน

“เราพยายามที่จะอ่อนไหวกับสิ่งต่างๆ พวกนี้ เพราะเราไม่ต้องการให้นักศึกษาของเราไม่ว่าคนไหนรู้สึกว่าตกเป็นเป้าถูกแบ่งแยก หรือไม่เป็นที่ต้อนรับ เพียงเพราะว่าพวกเขาเดินทางมาจากที่ไหนเท่านั้น” เธอกล่าว

(เก็บความจากเรื่อง U.S. universities set up front-line defenses to keep ของสำนักข่าวรอยเตอร์)
กำลังโหลดความคิดเห็น