เอเอฟพี - วิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (30 ม.ค.) ระบุว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งคร่าชีวิต 170 ศพในจีน และโหมกระพือความกังวลด้านสาธารณสุขทั่วโลก อาจช่วยสร้างงานใหม่ในเศรษฐกิจอเมริกา ความคิดเห็นที่เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดจากหลายฝ่าย
รอสส์ บอกว่าไวรัสซึ่งแผ่ลามไปอย่างน้อย 15 ประเทศทั่วโลก เป็นเรื่อง “เคราะห์ร้ายอย่างยิ่ง” แต่มันเป็นปัจจัยเสี่ยงสำหรับภาคธุรกิจที่กำลังชั่งใจว่าจะดำเนินธุรกิจในจีนหรือไม่
“ผมไม่อยากพูดว่าเป็นชัยชนะต่อเรื่องที่เคราะห์ร้ายอย่างยิ่งเช่นนี้ มันเป็นการแพร่ระบาดที่ร้ายแรงอย่างมาก แต่ข้อเท็จจริงคือ มันทำให้ภาคธุรกิจต้องคิดทบทวนใหม่อีกครั้ง” เขาบอกกว่าสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์บิสิเนส “ผมคิดว่ามันจะช่วยเร่งให้งานหวนคืนสู่อเมริกาเหนือ บางส่วนกลับมายังอเมริกา บางส่วนอาจไปเม็กซิโกเช่นกัน”
ความคิดเห็นของเขาโหมกระพือเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อมวลชนและผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขในทันที
“ไม่น่าเชื่อที่คนระดับสูงเช่นนี้จะแสดงความคิดเห็นที่ขาดความรับผิดชอบ มาพูดถึงประเด็นที่พวกเขาไม่ความเชี่ยวชาญเลยแม้แต่น้อย” จอร์จ เบนจามิน จากสมาคมสาธารณสุขอเมริกาให้สัมภาษณ์กับวอชิงตันโพสต์ “สิ่งที่เขาพูด ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หรือหลักฐานทางประวัติศาสตร์ใดๆ เลย”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากเบนจามิน สอดคล้องกับความเห็นของ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่บอกว่าไวรัสโคโรนา ก่อความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก
เวลานี้ โตโยต้า, อิเกีย, สตาร์บัคส์, เทสลา, แมคโดนัลด์ และ ฟ็อกคอนน์ เป็นหนึ่งในเหล่าบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ระงับการผลิตหรือปิดสาขาจำนวนมากในจีน
องค์การอนามัยโลกมีกำหนดประชุมกันในวันพฤหัสบดี (30 ม.ค.) เพื่อหาข้อสรุปว่าจะประกาศให้ไวรัสมรณะนี้เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศหรือไม่ ในขณะที่รัฐบาลของหลายประเทศเรียกร้องพลเมืองงดเดินทางเยือนจีน และบางส่วนถึงขั้นไม่ต้องรับนักเดินทางที่มาจากอู่ฮั่น
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำสงครามการค้าอันดุเดือดกับจีนมานานหลายปี เกี่ยวกับการจ้างงานและการเอาเปรียบด้วยการอุดหนุน แต่เมื่อไม่นานที่ผ่านมา เขาเพิ่งลงนามในข้อตกลงการค้าเฟส 1 ข้อตกลงที่ช่วยปลดชนวนความตึงเครียดระหว่างสองชาติ
