xs
xsm
sm
md
lg

ศาลสูงสุดสหรัฐฯ ไฟเขียวนโยบาย ‘ทรัมป์’ งดให้ ‘กรีนการ์ด’ ผู้อพยพที่พึ่งสวัสดิการรัฐ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ศาลสูงสุดสหรัฐฯ ไฟเขียว ‘ทรัมป์’ งดให้ ‘กรีนการ์ด’ ผู้อพยพที่พึ่งสวัสดิการรัฐ
รอยเตอร์ - ศาลสูงสุดสหรัฐฯ พิพากษาอนุมัติวานนี้ (27 ม.ค.) ให้รัฐบาลสามารถดำเนินนโยบายงดให้สิทธิ์พำนักถาวรแก่ผู้อพยพที่มีแนวโน้มจะต้องพึ่งพิงสวัสดิการของรัฐในอนาคต ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายกีดกันคนเข้าเมืองแบบสุดโต่งของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์

คณะผู้พิพากษาศาลสูงสุดมีมติ 5 ต่อ 4 เสียงอนุมัติตามคำร้องของรัฐบาลทรัมป์ที่ขอให้คว่ำคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลชั้นต้น ขณะที่กฎใหม่นี้ถูกวิจารณ์ว่าเป็น “บททดสอบความร่ำรวย” และทำให้ผู้อพยพส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่ผิวขาวหมดสิทธิ์เข้ามาอาศัยในอเมริกา

ก่อนหน้านี้ รัฐนิวยอร์ก, คอนเน็ตทิคัต และเวอร์มอนต์ รวมถึงฝ่ายบริหารนครนิวยอร์กและองค์กรไม่แสวงผลกำไรอีกหลายแห่ง ได้ยื่นฟ้องศาลเพื่อยับยั้งนโยบายดังกล่าวของทรัมป์

ผู้พิพากษา จอร์จ แดเนียลส์ แห่งศาลเขตนิวยอร์กใต้ ได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 11 ต.ค. ให้ระงับใช้กฎดังกล่าวทั่วสหรัฐฯ โดยระบุว่ารัฐบาลทรัมป์ “ไม่มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผล” ว่าเหตุใดจึงต้องปรับเปลี่ยนนิยามของคำว่า public charge และชี้ว่าเป็นนโยบายที่ขัดต่ออุดมการณ์ ‘ความฝันของอเมริกันชน’ (American Dream)

เคน คุชชิเนลลี รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (DHS) ออกมาแถลงชื่นชมคำตัดสินของศาลสูงสุด

“เห็นได้ชัดว่าศาลสูงสุดเบื่อหน่ายเต็มทนกับพวกผู้พิพากษาที่ออกคำสั่งยับยั้งเพื่อให้ได้นโยบายตามตัวเองมากกว่าบังคับใช้กฎหมาย” คุชชิเนลลี ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน

ประเด็นสำคัญที่มีการพิจารณากันก็คือ ผู้อพยพกลุ่มใดบ้างที่จะมีสิทธิ์พำนักถาวรในสหรัฐฯ หรือที่เรียกว่าได้ “กรีดการ์ด” โดยรัฐบาล ทรัมป์ กำหนดนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น อายุ, ระดับการศึกษา และความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ เพื่อดูว่าผู้อพยพรายหนึ่งๆ มีแนวโน้มหรือไม่ที่จะกลายเป็น public charge หรือผู้ที่ต้องขอรับความช่วยเหลือต่างๆ จากรัฐบาล ทั้งเรื่องแสตมป์อาหาร, โครงการประกันสุขภาพเมดิเคด และเงินช่วยค่าเช่าบ้าน เป็นต้น

ทรัมป์ อ้างว่าจำเป็นต้องใช้กฎนี้เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในอเมริกาจะเป็นพลเมืองที่พึ่งพาตัวเองได้ ขณะที่นักวิจารณ์ส่วนใหญ่ชี้ว่านโยบายนี้จะทำให้ผู้มีรายได้น้อยจากประเทศกำลังพัฒนาในละตินอเมริกา, แอฟริกา และเอเชีย หมดสิทธิ์ได้เป็นผู้พำนักถาวร

ดิค เดอร์บิน ส.ว.เดโมแครต ทวีตข้อความว่า “การกีดกันผู้อพยพถูกกฎหมายโดยยึดเอาความร่ำรวยเป็นเกณฑ์ ช่างน่าละอายและไม่มีความเป็นอเมริกันเอาเสียเลย”

โฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติ (USCIS) ซึ่งดูแลเรื่องการออกวีซ่า ยืนยันว่า “จะหาแนวทางที่เหมาะสมที่สุดในการบังคับใช้กฎเรื่อง public charge ” โดยจะแถลงรายละเอียดให้ทราบในเร็วๆ นี้


ทั้งนี้ กฎหมายสหรัฐฯ กำหนดแนวทางให้เจ้าหน้าที่งดให้สิทธิ์พำนักถาวรแก่บุคคลที่มีแนวโน้มจะเข้ามาพึ่งพิงสวัสดิการรัฐอยู่แล้ว ทว่ากฎใหม่ของ ทรัมป์ ได้ขยายนิยามของ public charge ให้กว้างขวางออกไปอีก โดยจะหมายถึงผู้ที่มีแนวโน้มจะต้องขอรับสวัสดิการจากรัฐมากกว่า 12 เดือนในระยะเวลา 36 เดือน ซึ่งครอบคลุมถึงเมดิเคด ความช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัย และแสตมป์อาหารภายใต้โครงการความช่วยเหลือด้านโภชนาการเพิ่มเติม (Supplemental Nutrition Assistance Program - SNAP)

ผู้อพยพที่ยังไม่ได้สถานะผู้พำนักถาวรในสหรัฐฯ จะไม่มีสิทธิ์เข้าโครงการความช่วยเหลือหลักๆ ของรัฐบาลจนกว่าจะได้กรีนการ์ด ซึ่งผลสำรวจโดย Urban Institute ในปี 2019 พบว่า กฎใหม่ของรัฐบาล ทรัมป์ ทำให้พ่อแม่ผู้อพยพจำนวนมากไม่กล้าขอรับสิทธิประโยชน์ให้แก่บุตรที่เป็นพลเมืองอเมริกัน เนื่องจากเกรงจะกระทบกับสถานะคนเข้าเมืองของตนเองในอนาคต ซึ่งอันที่จริงแล้วการขอรับสิทธิประโยชน์ให้แก่สมาชิกในครอบครัวไม่ถือเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา

คลอเดีย เซ็นเซอร์ ทนายความจากสหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน (American Civil Liberties Union) วิจารณ์กฎของ ทรัมป์ ว่าเป็นการกีดกันผู้พิการทุพพลภาพไม่ให้มีสิทธิ์ได้กรีนการ์ด และ “แนวคิดผิดๆ ว่าผู้พิการเหล่านี้ไม่สามารถทำประโยชน์ให้แก่สังคมได้”

ทั้งนี้ ศาลสูงสุดสหรัฐฯ อาจจะหยิบยื่นชัยชนะในประเด็นคนเข้าเมืองให้แก่ ทรัมป์ อีก โดยคณะผู้พิพากษาสายอนุรักษนิยมได้ส่งสัญญาณสนับสนุนความตั้งใจของ ทรัมป์ ที่จะยกเลิกโครงการปกป้อง “ดรีมเมอร์” หรือผู้อพยพผิดกฎหมายหลายแสนคนที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ ตั้งแต่ยังเด็ก โดยคาดว่าจะมีคำพิพากษาออกมาในราวเดือน มิ.ย.

เมื่อเดือน มิ.ย. ปี 2018 ศาลสูงสุดสหรัฐฯ เคยอนุมัติให้รัฐบาล ทรัมป์ คงคำสั่งห้ามเดินทาง (travel ban) กับพลเมืองชาติมุสลิมบางประเทศมาแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น