นับเป็นจุดสิ้นสุดของมหากาพย์ “Mexit” หลังจากสำนักพระราชวังบักกิงแฮมออกแถลงการณ์ระบุว่าเจ้าชายแฮร์รีและพระชายา เมแกน มาร์เคิล จะสละฐานันดรศักดิ์ รวมถึงยุติการรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลอังกฤษ และคืนเงินภาษีที่ทรงใช้ตกแต่งพระตำหนักส่วนพระองค์กว่า 2.4 ล้านปอนด์เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่มีอิสระมากยิ่งขึ้น โดยเจ้าชายแฮร์รีเองทรงยอมรับ “เสียพระทัย” ที่เดินมาถึงจุดนี้ ขณะเดียวกันคู่รัก “ซัสเซกซ์รอยัล” ทรงขู่จะฟ้องร้องปาปารัซซี่ในแคนาดาฐานแอบถ่ายรูปดัชเชสเมแกนและโอรสน้อย
สัปดาห์ที่แล้ว สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ได้ทรงเรียกประชุมพระบรมวงศานุวงศ์ใกล้ชิด ได้แก่ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส มกุฎราชกุมาร และพระราชนัดดา 2 พระองค์คือเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายแฮร์รี เพื่อร่วมกันหาทางออกกรณีที่เจ้าชายแฮร์รีและพระชายาต้องการลดบทบาทในฐานะสมาชิกราชวงศ์ชั้นสูง รวมทั้งต้องการอิสรภาพทางการเงินและหันไปใช้เวลาในอเมริกาเหนือมากขึ้น
ต่อมาในวันเสาร์ (18) สมเด็จพระราชินีนาถได้พระราชินีเอลิซาเบธทรงออกแถลงการณ์ความว่า “หลังจากที่ได้มีการปรึกษาหารือมาเป็นเวลาหลายเดือน ตลอดจนการพูดคุยเมื่อเร็วๆ นี้ ข้าพเจ้ามีความยินดีที่เราพบทางออกที่สร้างสรรค์และสนับสนุนการก้าวไปข้างหน้าสำหรับหลานชายและครอบครัวของข้าพเจ้า”
“แฮร์รี, เมแกน และอาร์ชี จะยังเป็นสมาชิกผู้ที่เป็นที่รักยิ่งในครอบครัวของข้าพเจ้าเสมอ”
สมเด็จพระราชินีนาถทรงยอมรับถึงปัญหาท้าทายที่ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ทรงเผชิญ ซึ่งรวมถึงการที่ทรงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และพร้อมจะสนับสนุนความปรารถนาของทั้งสองซึ่งต้องการใช้ชีวิตอย่างมีอิสระ พร้อมกันนี้ยังทรงขอบใจทั้งสองที่ได้ทุ่มเทปฏิบัติพระกรณียกิจทั้งต่อสหราชอาณาจักรและเครือจักรภพ และย้ำว่าทรงภูมิใจที่ เมแกน เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ได้อย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน พระราชวังบักกิงแฮมได้ชี้แจงว่า ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ทรงเข้าใจถึงความจำเป็นที่จะต้องยุติการปฏิบัติพระกรณียกิจในฐานะเชื้อพระวงศ์และภารกิจทางทหารต่างๆ อีกทั้งจะไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล และไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้แทนพระองค์สมเด็จพระราชินีนาถได้อีกต่อไป
ทั้งนี้ เจ้าชายแฮร์รี และ เมแกน จะไม่ใช้คำนำหน้า His/Her Royal Highness (HRH) หรือหากแปลเป็นไทยโดยอนุโลมก็คือ ‘เจ้าฟ้า’ ซึ่งคล้ายกับกรณีของเจ้าหญิงไดอานาหลังจากที่ทรงหย่าขาดจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลสในปี 1996 ทว่าจะยังทรงดำรงพระยศดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ต่อไป นอกจากนี้ยังทรงยอมที่จะจ่ายคืนเงินภาษีประชาชน 2.4 ล้านปอนด์ที่ใช้เป็นค่าตบแต่งพระตำหนักฟร็อกมอร์ ซึ่งเป็นวังที่ประทับในเขตพระราชวังวินด์เซอร์
เดลิเมล์รายงานว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงต้องการให้เจ้าชายแฮร์รีมีที่พำนักที่สะดวกสบายในอังกฤษ เพื่อให้พระราชนัดดายังทรงเป็นส่วนหนึ่งในราชวงศ์ ด้วยเหตุนี้ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์จึงตกลงคืนเงินภาษีที่นำมาซ่อมแซมพระตำหนักฟร็อกมอร์ และยังต้องเริ่มจ่ายค่าเช่าและค่าดูแลรักษาพระตำหนักขนาด 5 ห้องนอนนี้ด้วย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่าค่าเช่าตามราคาตลาดน่าจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 ปอนด์ หรือราวๆ 400,000 บาท
แหล่งข่าวคนหนึ่งเผยว่า การที่สมเด็จพระราชินีนาถพระราชทานพระตำหนักดังกล่าวบ่งชี้ว่าพระองค์เองก็ทรงวิตกว่าทั้งคู่อาจไม่กลับไปพำนักในอังกฤษบ่อยนัก
ดิกกี้ อาร์บิเทอร์ อดีตเลขานุการฝ่ายสื่อของราชวงศ์อังกฤษ เขียนลงในหนังสือพิมพ์เดอะซันว่า “ไม่เคยมีพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์ไหนจ่ายคืนเงินภาษีประชาชนมาก่อน นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลย” แต่ถึงกระนั้นเขาก็มองว่าการที่เจ้าชายแฮร์รีทรงสูญเสียความเป็น His Royal Highness ต่างหากที่ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของราชวงศ์อย่างแท้จริง เนื่องจากตอนที่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ทรงสละราชสมบัติในปี 1936 เพื่อทรงสมรสกับ วอลลิส ซิมป์สัน แม่หม้ายชาวอเมริกัน ก็ทรงเพียงเปลี่ยนคำนำหน้าพระนามจาก His Majesty the King กลับมาเป็น His Royal Highness ดยุคแห่งวินด์เซอร์เท่านั้น แต่ไม่ได้สละความเป็นเจ้า
ดยุคแห่งซัสเซกซ์ทรงออกมาเปิดใจเป็นครั้งแรกในวันอาทิตย์ (19) โดยยอมรับว่ารู้สึกเสียพระทัยที่ต้องสละฐานันดร แต่ก็ทรงยอมแลกเพื่อให้ได้ชีวิตที่สงบสุขกับพระชายาและโอรส ซึ่งตลอดเวลาที่ทรงอ่านพระดำรัสซึ่งถูกเตรียมมาแล้วเจ้าชายทรงมีสีพระพักตร์เคร่งเครียด สะท้อนถึงความพยายามของพระองค์ที่จะบรรเทาความสับสนและผิดหวังของพสกนิกรชาวอังกฤษ
เจ้าชายแฮร์รีตรัสต่อผู้สนับสนุนมูลนิธิเกี่ยวกับแอฟริกาของพระองค์ที่กรุงลอนดอนว่า ทรงต้องการให้ผู้คนได้รับรู้ความจริงจากปากของพระองค์ และไม่ใช่ในฐานะเจ้าชายหรือดยุค หากแต่เป็น “แฮร์รี” ที่ทุกคนรู้จักมาตลอด 35 ปี
“สหราชอาณาจักรคือบ้านของข้าพเจ้า และเป็นสถานที่ที่ข้าพเจ้ารัก นั่นจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง” เจ้าชายแฮร์รีตรัส พร้อมยืนยันว่าการขอลดบทบาทสมาชิกราชวงศ์ชั้นสูงเป็นสิ่งที่ทรงพิจารณาทบทวนมานานหลายเดือนก่อนจะตัดสินใจ
“ข้าพเจ้ารู้ดีว่าไม่ได้ทำถูกไปเสียทั้งหมด แต่สำหรับเรื่องนี้มันไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ”
เจ้าชายยังทรงสารภาพว่ารู้สึกกังวลใจอยู่บ้างที่จะต้องยุติการปฏิบัติพระกรณียกิจและออกไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในต่างประเทศ และแม้ว่าจะทรง “เตรียมพร้อมมาโดยตลอด” ที่จะหยุดรับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล แต่ก็ทรงเจ็บปวดที่ต้องสละยศทหารและตำแหน่งต่างๆ ที่ทรงได้รับหลังจากที่เสด็จฯ ไปปฏิบัติภารกิจในฐานะนักบินเฮลิคอปเตอร์อาปาเช่ร่วมกับทหารอังกฤษในอัฟกานิสถานมา 2 ครั้ง
“นี่คือก้าวกระโดดแห่งความศรัทธา ขอขอบคุณทุกท่านที่มอบความกล้าหาญให้แก่ข้าพเจ้าในการก้าวต่อไป” เจ้าชายแฮร์รีตรัส
ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซ็กซ์ได้ยื่นฟ้องเอาผิดกับสื่อแท็บลอยด์อังกฤษหลายสำนัก รวมถึง ‘เมล์ ออน ซันเดย์’ ซึ่งได้นำข้อความบางส่วนในจดหมายที่ เมแกน เขียนตัดพ้อบิดา โทมัส มาร์เคิล มาตีพิมพ์ หลังจากที่เธอเข้าพิธีเสกสมรสกับเจ้าชายแฮร์รีเมื่อเดือน พ.ค. ปี 2018
โทมัส มาร์เคิล ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Channel 5 อังกฤษเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า การที่ เมแกน ตัดสินใจทิ้งบทบาทสมาชิกราชวงศ์เป็นเรื่องที่ “น่าอับอายขายหน้า” และคู่รักซัสเซกซ์กำลัง “หลงทาง” อีกทั้งยังตำหนิลูกสาวว่าทำลายความฝันของเด็กผู้หญิงมากมาย รวมทั้งทำร้ายราชวงศ์อังกฤษ
ล่าสุด เจ้าชายแฮร์รีและ เมแกน ได้ออกคำแถลงเตือนสื่อมวลชนในวันอังคาร(21) หลังภาพที่ เมแกน กำลังอุ้มพระโอรส ‘อาร์ชี’ พร้อมกับจูงสุนัข 2 ตัวเดินเล่นในแคนาดาไปปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ต่างๆ
ทนายความระบุว่า ภาพชุดดังกล่าวถูกถ่ายโดยพวกปาปารัสซี่ที่คอยซุ่มสอดแนมอยู่ตามพุ่มไม้ ซึ่งดัชเชสเมแกนไม่ได้ยินยอม และขู่จะดำเนินการทางกฎหมายกับพวกช่างภาพที่ตามรังควาน
คำขู่ดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าเจ้าชายและพระชายาทรงกังวลไม่น้อยเกี่ยวกับพฤติกรรมของปาปารัสซี่ ซึ่งทนายส่วนพระองค์เผยว่าพยายามใช้เลนส์ถ่ายภาพระยะไกลซูมเข้าไปภายในที่ประทับ และบางรายถึงขั้นมาตั้งแคมป์ปักหลักรอแอบถ่ายอยู่ด้านนอกคฤหาสน์ที่ประทับอีกด้วย
ค่าใช้จ่ายในกระบวนการทางกฎหมายซึ่งไม่ใช่น้อยๆ รวมถึงความเป็นไปได้ที่เจ้าชายแฮร์รี และ เมแกน จะต้องรับผิดชอบค่ารักษาความปลอดภัยระดับสูงสุดด้วยตัวเอง ก่อให้เกิดคำถามว่าทั้งสองจะแสวงหารายได้มาจากไหน แต่ก็มีรายงานจากเดอะเดลีเทเลกราฟว่า เจ้าฟ้าชายชาร์ลสซึ่งเป็นพระบิดาอาจจะพระราชทานเงินรายได้ส่วนพระองค์เพื่อสนับสนุนพระโอรสไปตลอดช่วงปีหน้า
บิสสิเนสอินไซเดอร์รายงานว่า เจ้าชายแฮร์รีทรงมีทรัพย์สินส่วนพระองค์อย่างน้อย 25 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมาจากมรดกที่ทรงได้รับจากเจ้าหญิงไดอานา และเงินพระราชทานจากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส ส่วน เมแกน เองก็มีรายได้ก้อนใหญ่จากอาชีพนักแสดงก่อนหน้านี้ และปัจจุบันกำลังพิจารณาทำผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ นอกจากนั้นยังมีข่าวว่าผู้บริหาร Netflix แสดงความสนใจที่จะชวนดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์มาร่วมผลิตคอนเทนต์ลงบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งในอนาคตด้วย
เท็ด ซาแรนดอส ประธานเจ้าหน้าที่ด้านเนื้อหาของ Netflix ยอมรับว่านี่คือโอกาสทองที่บริษัทต้องรีบคว้าไว้ โดยขอบเขตการร่วมงานกันนั้นมีตั้งแต่การเป็นผู้ควบคุมการผลิตสารคดี ไปจนถึงงานเล็กๆ อย่างเช่น การลงเสียงพากย์ เป็นต้น แต่มีข้อแม้ว่าทั้งสองพระองค์จะไม่ใช้ชื่อของตนเองลงในเครดิต แต่จะใช้ผ่านแบรนด์ “ซัสเซกซ์ รอยัล”
หนังสือพิมพ์ซันเดย์ไทมส์ได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังอังกฤษว่า เจ้าชายแฮร์รีและพระชายาสามารถทำธุรกิจจากแบรนด์ “ซัสเซกซ์ รอยัล” ที่เพิ่งจดทะเบียนเมื่อเดือน ธ.ค. ปีที่แล้วได้หรือไม่ ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่าเรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ขณะที่ โทมัส วูดค็อค ที่ปรึกษาสำนักพระราชวัง ออกมาให้ความเห็นว่า “ไม่เป็นการสมควร” เนื่องจากทั้งคู่ได้ถอนตัวออกจากการเป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงไปแล้ว
ทั้งนี้ การหารายได้เลี้ยงตัวเองไม่น่าจะเป็นปัญหามากนักสำหรับเจ้าชายแฮร์รีและ เมแกน ซึ่งแม้จะไม่มีฐานันดรศักดิ์ แต่ก็ยังคงเป็น ‘เซเลบ’ ที่คนทั่วโลกอยากติดตาม
เดลีเทเลกราฟรายงานเมื่อเดือน ธ.ค. ว่า เมแกนเริ่มใช้บ้านพักตากอากาศในแคนาดาเป็นสถานที่ติดต่อกับเพื่อนฝูงในนครลอสแองเจลิส และเตรียมที่จะเปิดตัวมูลนิธิเพื่อการกุศลของเธอเองในสหรัฐฯ
สื่อฉบับนี้ระบุด้วยว่า เมแกน ซึ่งเป็นทั้งดัชเชสและอดีตนักแสดง และแฮร์รีซึ่งเป็นพระราชนัดดาของควีนอังกฤษ ยังคงเป็น “สินค้าที่ขายได้อย่างแน่นอน” พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า เมแกน อาจจะร่วมแสดงเป็นตนเองในซีรีส์ The Crown ที่ฉายทาง Netflix ก็เป็นได้
ทั้งนี้ เมแกน เพิ่งจะเซ็นสัญญาพากย์เสียงให้กับดิสนีย์ โดยแลกกับเงินบริจาคให้กับองค์กร Elephants Without Borders ซึ่งเป็นมูลนิธิช่วยเหลือช้างที่เจ้าชายแฮร์รีทรงให้การอุปถัมภ์อยู่ ส่วนเจ้าชายแฮร์รีก็ทรงร่วมงานกับพิธีกรหญิงอเมริกันชื่อดัง ‘โอปราห์ วินฟรีย์’ เพื่อผลิตสารคดีเกี่ยวกับสุขภาพจิตฉายทางแอปเปิลทีวี
โจนาธาน ชาลิต ผู้ก่อตั้งสถาบัน InterTalent ในอังกฤษ ประเมินว่าคู่สามีภรรยาแห่งซัสเซกซ์อาจจะได้ค่าเหนื่อยก้อนโตถึง 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แลกกับการให้สัมภาษณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟในรายการ โอปราห์ วินฟรีย์ โชว์