เอเอฟพี – ประธานาธิบดี อันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ แห่งเม็กซิโก ระบุวานนี้ (17 ม.ค.) ว่าพร้อมที่จะเสนองาน 4,000 ตำแหน่งให้แก่ผู้อพยพซึ่งกำลังเดินเท้าจากประเทศแถบอเมริกากลางเพื่อข้ามเข้าไปยังสหรัฐอเมริกา
“เรามีงานกว่า 4,000 ตำแหน่งรออยู่ตลอดแนวชายแดนทางใต้ รวมถึงศูนย์พักพิงสำหรับผู้อพยพ ประเทศของเรามีงานให้พวกคุณทำ” ผู้นำหัวซ้ายแดนจังโก้ระบุในงานแถลงข่าว พร้อมเผยว่าคาราวานผู้อพยพซึ่งเริ่มตั้งขบวนที่ฮอนดูรัสและกำลังเดินทางผ่านกัวเตมาลาในสัปดาห์นี้มีจำนวนราวๆ 3,000 คน
ประธานาธิบดี อาเลฮันโดร ยัมมัตเต แห่งกัวเตมาลา เปิดเผยว่า รัฐบาลเม็กซิโกได้ให้คำมั่นว่าจะ “ทำทุกวิถีทาง” เพื่อสกัดคาราวานผู้อพยพเหล่านี้
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กดดันเม็กซิโกให้ช่วยยับยั้งและชะลอคลื่นผู้อพยพไร้ทะเบียนซึ่งเดินทางไปถึงชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโกในปีที่แล้ว และยังขู่เมื่อเดือน พ.ค. ว่าจะใช้มาตรการคว่ำบาตรหากรัฐบาลจังโก้ไม่ให้ความร่วมมือมากกว่าที่เป็นอยู่
หลังถูกสหรัฐฯ บีบจนตรอก ในที่สุดรัฐบาล โลเปซ โอบราดอร์ ก็ประกาศส่งกองกำลังเนชันแนลการ์ด 27,000 นายคุมเข้มชายแดน และยังอนุญาตให้อเมริกาส่งตัวผู้ขอลี้ภัยกว่า 40,000 คนกลับเข้ามายังเม็กซิโกระหว่างที่รอการอนุมัติ หรือที่เรียกกันว่านโยบาย ‘Remain in Mexico’
องค์กรฮิวแมนไรต์วอตช์ (HRW) ออกมากล่าวหาเมื่อวันอังคาร (14) ว่ารัฐบาลเม็กซิโกกำลังละเมิดสิทธิของผู้อพยพ เนื่องจากไม่มีมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ผู้ที่ถูกสหรัฐฯ ส่งกลับ และยังนำผู้อพยพบางส่วนไปกักกันในสภาพแวดล้อมที่ย่ำแย่ “ไร้มนุษยธรรม”
ผู้อพยพจากอเมริกากลางนับแสนคนซึ่งหนีความยากจนและอาชญากรรมความรุนแรงในบ้านเกิดได้รวมตัวเป็นกองคาราวานเดินเท้าผ่านเม็กซิโกมุ่งหน้าไปยังสหรัฐฯ ในปีที่แล้ว จนทำให้ ทรัมป์ ต้องออกมาเตือนถึง “การรุกราน” และส่งทหารเกือบ 6,000 นายไปคุ้มกันชายแดนตอนใต้ซึ่งติดกับเม็กซิโก