รอยเตอร์ - ชาวออสเตรเลียต้อนรับเข้าสู่ปีใหม่ในวันพุธ(1ม.ค.)ตามเวลาท้องถิ่น ด้วยพลุไฟอันน่าตื่นตาตื่นใจเหนืออ่าวซิดนีย์ แม้ไฟป่ามรณะได้ผลักให้ประชาชนหลายพันคนต้องอพยพหลบหนีออกจากชายหาดและหลายเมืองตัดสินใจยกเลิกงานเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่า
นิวซีแลนด์เป็นชาติแรกๆที่ได้ต้อนรับปี 2020 โดยมีการจุดพลุไฟสวยงามสว่างไสวเหนือท้องฟ้าเมืองโอ๊คแลนด์
2 ชั่วโมงต่อมา นักท่องเที่ยวราว 1 ล้านคนซึ่งมารวมตัวกันแถวอ่าวซิดนีย์ ก็ได้บันเทิงเริงใจกับพลุไฟสวยงามอลังการ หลังเจ้าหน้าที่ปฏิเสธเสียงเรียกร้องของประชาชนบางส่วนที่ขอให้ยกเลิกการจุดพลุไฟต้อนรับปีใหม่ เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับผู้คนที่พื้นที่ประสบภัยไฟป่าในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีซิดนีย์ เป็นเมืองเอก
ตามแนวชายฝั่งทะเลทางตะวันออกของออสเตรเลีย เรือกองกองทัพเรือและเฮลิคอปเตอร์จากพองทัพ เข้าสมทบกับหน่วยดับเพลิงในความพยายามช่วยเหลือประชาชนหลายพันคนที่กำลังหลบหนีไฟป่าซึ่งกำลังเปลี่ยนพื้นที่บริเวณกว้างของรัฐนิวเซาท์เวลส์กลายเป็นเตาหลอมอันเกี้ยวกราด
ไฟป่าครั้งเลวร้ายหนนี้ทำลายพื้นที่ไปแล้ววมากกว่า 10 ล้านเอเคอร์(ราว 25 ล้านไร่) ขณะเดียวกันก็มีไฟป่าจุดใหม่ๆเพิ่มขึ้นในเกือบทุกวันสืบเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดและมีลมแรง ในพื้นที่อันเหี่ยวเฉาหลังเผชิญภัยแล้งมาตลอด 3 ปีหลัง
นักท่องเที่ยวบางส่วนที่ติดอยู่ในเมืองต่างๆตามแนวชายฝั่งของออสเตรเลียโพสต์ภาพท้องฟ้าสีเลือดเต็มไปด้วยกลุ่มควันบนสื่อสังคมออนไลน์ หนึ่งในนั้นเป็นภาพผู้คนกำลังพากันว่ายน้ำหลบหนีไฟป่าขึ้นมาบนชายหาด โดยที่บางส่วนสวมหน้ากากป้องกันแก๊สไว้ด้วย
ไฟป่าคร่าชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 11 ศพนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2 ในนั้นเสียชีวิตเมื่อคืนวันจันทร์(30ธ.ค.)ต่อเนื่องจนถึงวันอังคาร(31ธ.ค.) ขณะที่หลายเมืองและพื้นที่แถบชนบทต้องอยู่โดยปราศจากไฟฟ้าใช้และสัญญาณโทรศัพท์มือถือขัดข้อง
ในการปกป้องการตัดสินใจไม่ยอมยกเลิกงานจุดพลุไฟในซิดนีย์ แล้วนำเงินไปช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยไฟป่า ทางโคลเวอร์ มัวร์ นายกเทศมนตรีซิดนีย์บอกว่าได้เริ่มวางแผนมาตั้งแต่ 15 เดือนก่อนและงานฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในภูมิภาค
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนที่ยินดีต่อการตัดสินใจดังกล่าว "ซิดนีย์จะยังจริงจังจุดพลุไฟฉลองในคืนนี้ได้อีกหรือ ในเมื่ออีกครึ่งประเทศของเรากำลังถูกไฟไหม้" ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งกล่าว