‘ไมเคิล บลูมเบิร์ก’ ยอมรับใช้แรงงาน ‘นักโทษ’ หาเสียงโดยไม่ตั้งใจ

เอเจนซีส์ - ไมเคิล บลูมเบิร์ก มหาเศรษฐีชาวเจ้าของกิจการสื่อชาวอเมริกันซึ่งประกาศลงชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ ในปีหน้า ยอมรับวานนี้ (24 ธ.ค.) ว่าทีมหาเสียงของตนใช้แรงงาน ‘นักโทษ’ ในการโทรศัพท์เพื่อหาเสียงโดยไม่เจตนา และได้ตัดสัมพันธ์กับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แล้ว

เว็บไซต์ข่าวสืบสวน ดิ อินเทอร์เซ็ป รายงานว่า ทีมหาเสียงของบลูมเบิร์กได้ว่าจ้างบริษัท โปรคอม (ProCom) ซึ่งเปิดกิจการคอลเซ็นเตอร์อยู่ที่รัฐนิวเจอร์ซีย์และรัฐโอคลาโฮมา โดยเป็นการจ้างผ่านบุคคลที่สาม และจากการตรวจสอบพบว่าคอลเซ็นเตอร์ 2 แห่งในรัฐโอคลาโฮมาเปิดดำเนินงานภายในเรือนจำของรัฐ

รายงานระบุว่า ผู้ต้องขังในเรือนจำความมั่นคงสูงอย่างน้อย 1 แห่งถูกจ้างให้โทรศัพท์ไปหาเสียงในนามของบลูมเบิร์ก

อดีตนายกเทศมนตรีนิวยอร์กผู้นี้อ้างว่าทีมหาเสียงของเขาไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน และเพิ่งจะรู้หลังจากที่มีนักข่าวโทรมาสอบถาม

“ทันทีที่เราทราบว่าเป็นฝีมือของบริษัทรับเหมาช่วงรายใด เราก็ตัดสัมพันธ์กับบริษัทดังกล่าว รวมถึงคนที่ไปจ้างพวกเขาด้วย” บลูมเบิร์ก ระบุในถ้อยแถลง พร้อมยืนยันว่าไม่สนับสนุนการกระทำเช่นนี้

แม้รัฐธรรมนูญอเมริกันจะกำหนดห้ามการมีทาสและการเกณฑ์แรงงาน แต่บทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งที่ 13 อนุญาตให้มีการบังคับใช้แรงงานอาชญากร โดยถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของบทลงโทษตามกฎหมาย

บลูมเบิร์ก ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อปลายเดือน พ.ย. ว่าจะลงแข่งขันเพื่อเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงชิงชัยกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในศึกเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ ปี 2020

มหาเศรษฐีเจ้าของอาณาจักรสื่อรายนี้ทุ่มเงินหาเสียงในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมามากกว่าที่ผู้สมัครสายเดโมแครตคนอื่นๆ ใช้ตลอดทั้งปีเสียอีก แต่ถึงกระนั้นผลสำรวจรอยเตอร์/อิปซอสที่จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 18-19 ธ.ค. กลับพบว่า มีฐานเสียงเดโมแครตเพียง 5% เท่านั้นที่คิดจะโหวตเลือกบลูมเบิร์ก ขณะที่โพลส่วนใหญ่ยกให้อดีตรองประธานาธิบดี โจ ไบเดน, ส.ว. เบอร์นี แซนเดอร์ส และ ส.ว.เอลิซาเบธ วอร์เรน เป็นตัวเก็งที่มีโอกาสคว้าตำแหน่งผู้แทนพรรคมากที่สุด