รอยเตอร์ – สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงว่าด้วยร่างกฎหมายกลาโหมมูลค่า 768,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งกำหนดมาตรการใหม่ๆ ว่าด้วยการแข่งขันกับจีนและรัสเซีย ตลอดจนการจัดตั้ง ‘กองกำลังอวกาศ’ ตามดำริของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์
ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังเรียกร้องให้สหรัฐฯ คว่ำบาตรตุรกีกรณีสั่งซื้อระบบป้องกันขีปนาวุธ S-400 จากรัสเซีย และให้ใช้มาตรการตอบโต้สถานหนักต่อโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือ
คณะกรรมาธิการกิจการกองทัพแห่งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐฯ มีมติเห็นพ้องร่างกฎหมาย National Defense Authorization Act หรือ NDAA หลังใช้เวลาเจรจาต่อรองนานหลายเดือน โดยคาดว่าร่างกฎหมายนี้จะผ่านสภาคองเกรสได้ทันก่อนจะมีการปิดประชุมในช่วงเทศกาลปีใหม่
ร่างกฎหมาย NDAA กำหนดวงเงินงบประมาณ 658,400 ล้านดอลลาร์สำหรับกระทรวงกลาโหมและกระทรวงพลังงานเพื่อนำไปใช้ในโครงการที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ, 71,500 ล้านดอลลาร์สำหรับอุดหนุนการทำสงครามในต่างแดน หรือที่เรียกว่า ‘Overseas Contingency Operations’ และอีก 5,300 ล้านดอลลาร์เพื่อใช้ซ่อมแซมและฟื้นฟูความเสียหายจากสภาพอากาศสุดขั้วหรือภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆ
ก่อนหน้านี้ มีความกังวลว่ากระบวนการผ่านร่างกฎหมาย NDAA อาจล้มเหลวเป็นครั้งแรกในรอบ 58 ปี เนื่องจาก ส.ส.เดโมแครตที่ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรกับวุฒิสภาซึ่งพรรครีพับลิกันกุมเสียงส่วนใหญ่มีมุมมองขัดแย้งอย่างหนักเกี่ยวกับนโยบายต่างๆ ของทรัมป์
NDAA เป็นหนึ่งในกฎหมายสำคัญไม่กี่ฉบับที่สภาคองเกรสต้องออกเป็นประจำทุกปี และกำหนดมาตรการเชิงนโยบายหลายเรื่อง ตั้งแต่อัตราเงินเดือนทหารเรื่อยไปจนถึงการอัปเกรด, จัดซื้อ และปลดระวางเรือรบหรือเครื่องบิน
สำหรับร่างกฎหมาย NDAA ในปีนี้มีการปรับเพิ่มเงินเดือนทหาร 3.1% ซึ่งถือว่ามากที่สุดในรอบ 10 ปี และยังให้โควตาลาหยุดเพื่อดูแลครอบครัว (parental leave) แก่พนักงานของรัฐเป็นเวลา 12 สัปดาห์ ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคเดโมแครตเรียกร้องมานาน
ร่างกฎหมายนี้ยังกำหนดมาตรการแซงก์ชั่นโครงการท่อส่งก๊าซ ‘นอร์ดสตรีม 2’ และ ‘เติร์กสตรีม’ ของรัสเซีย รวมถึงห้ามมีความร่วมมือทางทหารกับกองทัพหมีขาว
โครงการสร้างท่อส่งก๊าซทั้ง 2 สายมีวัตถุประสงค์เพื่อลำเลียงก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเข้าสู่ยุโรปโดยไม่ต้องผ่านยูเครน ซึ่งสภาคองเกรสก็พยายามบีบ ทรัมป์ ให้หาวิธีสกัดกั้นโครงการดังกล่าวซึ่งใกล้จะเสร็จสมบูรณ์เต็มทีแล้ว
ร่างกฎหมาย NDAA ยังเรียกร้องให้ผู้นำสหรัฐฯ คว่ำบาตรตุรกีเพื่อตอบโต้การสั่งซื้อระบบอาวุธจากรัสเซีย และห้ามมิให้สหรัฐฯ จัดส่งเครื่องบินขับไล่ F-35 ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท ล็อกฮีด มาร์ติน คอร์ป ไปยังตุรกี โดยอ้างว่าระบบป้องกันขีปนาวุธ S-400 ที่รัฐบาลอังการาสั่งซื้อจากรัสเซียนั้นไม่สามารถใช้งานร่วมกับระบบป้องกันของนาโต และยังก่อความเสี่ยงต่อฝูงบิน F-35 ด้วย
NDAA ยังอนุมัติงบประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ให้แก่โครงการสนับสนุนด้านความมั่นคงต่อยูเครน (Ukraine Security Assistance Initiative) เพื่อจัดหาอาวุธร้ายแรงสำหรับป้องกันตนเอง รวมไปถึงขีปนาวุธร่อนป้องกันชายฝั่งและขีปนาวุธต่อต้านเรือ
กฎหมายฉบับนี้ยังระบุอย่างเป็นทางการให้กองกำลังอวกาศ (U.S. Space Force) ถือเป็นเหล่าทัพที่ 6 ของสหรัฐอเมริกาภายใต้สังกัดกองทัพอากาศ และยังมีบทบัญญัติว่าด้วยการรับมือภัยคุกคามจากจีน เช่น กำหนดให้จัดทำรายงานว่าด้วยการลงทุนในต่างแดนของปักกิ่งและความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างจีนกับรัสเซีย, ห้ามใช้งบประมาณส่วนกลางจัดซื้อตู้รถไฟหรือรถบัสจากจีน และกำหนดให้สภาคองเกรสต้อง “สนับสนุนอย่างชัดเจน” ต่อการเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องสิทธิพลเมืองฮ่องกง และธำรงไว้ซึ่งอำนาจปกครองตนเองขั้นสูงของเกาะศูนย์กลางธุรกิจแห่งนี้
NDAA ยังสนับสนุนให้สหรัฐฯ ช่วยไต้หวันยกระดับศักยภาพด้านการป้องกันตนเอง และให้มีมาตรการตอบโต้การพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ในเกาหลีเหนืออย่างครอบคลุม ซึ่งรวมถึงข้อบังคับคว่ำบาตรการส่งออกถ่านหิน, แร่ธาตุ, สิ่งทอ, น้ำมันดิบ และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมของเกาหลีเหนือ และเพิ่มบทลงโทษต่อสถาบันการเงินที่ยังคงทำธุรกรรมกับรัฐโสมแดง
ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังกำหนดให้เพนตากอนต้องคงทหารอเมริกันเอาไว้ในเกาหลีใต้ไม่ต่ำกว่า 28,500 นาย เว้นเสียแต่รัฐมนตรีกลาโหมจะรับรองว่าการลดอัตรากำลังพลให้ต่ำลงไปกว่านั้นจะเป็นประโยชน์ต่อความมั่นคงต่อสหรัฐฯ
