เอเอฟพี - ภาคเหนือของฟิลิปปินส์ต้องเผชิญกับหนึ่งในอุทกภัยครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ด้วยกระแสโคลนที่ไหลบ่าทำให้ชาวบ้านกว่า 66,000 คนต้องอพยพจากบ้านเรือนและกระตุ้นให้หน่วยกู้ภัยต้องรุดเข้าช่วยเหลือผู้ที่ติดค้าง จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันศุกร์(6ธ.ค.)
เดิมที เกาะลูซอน เกาะใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์ ถูกพายุหลายระลอกซัดเล่นงานแหลมทางเหนือของเกาะอยู่ก่อนแล้ว แต่ฝนฤดูมรสุมได้ยกระดับความหนักหน่วงขึ้นไปอีกในสัปดาห์นี้ จากการเคลื่อนตัวผ่านของไต้ฝุ่นคัมมูริ
รายงานข่าวระบุว่าที่ดินเขียวขจีอันกว้างใหญ่ไพศาลต้องจมอยู่ใต้บาดาล หลังน้ำในแม่น้ำหลายสายทะลักล้นตลิ่ง โดยสามารถมองเห็นแค่เพียงบริเวณยอดของต้นไม้เท่านั้นที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมา
นอกจากนี้แล้วดินถล่มในหลายจุดยังได้ตัดขาดถนนหลายสายที่ม่งหน้าสู่เมืองที่อยู่ห่างไกลบางแห่ง และสะพานบางแห่งจมอยู่ใต้กระแสน้ำ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่บอกว่าพวกเขายังไม่สามารถยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิตจากระดับน้ำที่ขึ้นสูงในครั้งนี้
"มันเป็นหนึ่งในอุทกภัยครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบทศวรรษ" โรเจลิโอ เซนดิ่ง เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของจังหวัดคากายันบนเกาะลูซอน ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี
ส่วนเจ้าหน้าที่บริหารจัดการภัยพิบัติท้องถิ่นเปิดเผยว่าน้ำท่วมได้ทำให้ประชาชนราว 66,000 คนต้องหลบหนีออกจากบ้านเรือน โดยบางส่วนในนั้นได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉินที่ล่องเรือเข้าไปในพื้นที่
ทางภาคเหนือของฟิลิปปินส์ต้องเผชิญกับฝนที่ตกลงมาอย่างหนักมานานเกือบ 1 เดือน ส่วนหนึ่งของฤดูมรสุม ขณะที่สถานการณ์ได้เลวร้ายลงไปอีกเมื่อมีพายุไต้ฝุ่นอย่างน้อยๆ 3 ลูกเคลื่อนผ่านฟิลิปปินส์นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ในนั้นรวมถึงไต้ฝุ่นคัมมูริ ที่เพิ่งซัดเข้าเล่นงานในสัปดาห์นี้ คร่าชีวิตชาวบ้านอย่างน้อย 13 ศพ