เอเอฟพี – บริษัทโทรคมนาคมจีน หัวเว่ย ระบุในวันพฤหัสบดี (5) พวกเขาได้ยื่นคำร้องต่อศาลสหรัฐฯ ขอให้ยกเลิกคำสั่งที่ห้ามไม่ให้บริษัทโทรคมนาคมต่างๆ ในแถบชนบทอเมริกาใช้เงินกองทุนส่วนกลาง 8.5 พันล้านดอลลาร์ซื้ออุปกรณ์ของหัวเว่ย
คำร้องของหัวเว่ย ระบุว่า คำสั่งห้ามดังกล่าว ซึ่งถูกบังคับใช้กับหัวเว่ยและแซดทีอีด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง ไม่สามารถพิสูจน์คำอ้างที่ว่า หัวเว่ยเป็นภัยคุกคาม และเป็นการละเมิดกระบวนการที่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยกฎหมาย
“หัวเว่ยเป็นบริษัทจีน นั่นคือคำอ้างเดียวของวอชิงตัน” สง หลิวปิง หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของหัวเว่ย บอกผู้สื่อข่าวที่สำนักงานใหญ่ในเมืองเสินเจิ้นทางตอนใต้
การยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ เกิดขึ้นหลังจากเมื่อเดือนมีนาคมหัวเว่ยยื่นคำฟ้องที่ประกาศว่า กฎหมายกลาโหมสหรัฐฯ ปี 2019 “ขัดรัฐธรรมนูญ” สำหรับการขัดขวางไม่ให้หน่วยงานรัฐบาลซื้ออุปกรณ์ บริการของหัวเว่ย หรือร่วมงานกับบุคคลที่สามที่เป็นลูกค้าหัวเว่ย
การรณรงค์ต่อต้านหัวเว่ยของสหรัฐฯ มีแรงจูงใจจากความกลัวในวอชิงตันว่า หัวเว่ยจะเป็นภัยคุกคามความมั่นคง เนื่องจากภูมิหลังของผู้ก่อตั้งและซีอีโอ เหริน เจิ้งเฟย อดีตวิศวกรกองทัพจีน
ความกังวลดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นในขณะที่หัวเว่ยผงาดขึ้นเป็นผู้นำโลกในด้านอุปกรณ์เครือข่ายโทรคมนาคม และหนึ่งในผู้ผลิตสมาร์ทโฟนชั้นนำ และหลังปักกิ่งผ่านกฎหมายปี 2017 ที่กำหนดให้บริษัทจีนต้องช่วยเหลือรัฐบาลในเรื่องความมั่นคงแห่งชาติ
เมื่อเดือนพฤษภาคม ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ดำเนินการขัดขวางมาให้บริษัทอเมริกันทำธุรกิจกับหัวเว่ย ซึ่งเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวหาว่า ละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่ออิหร่าน
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์เสนอการละเว้นชั่วคราวหลายครั้งให้กับหัวเว่ยเพื่อให้ผู้ให้บริการแถบชนบทห่างไกลมีเวลาปฏิบัติตามคำสั่งห้าม
หัวเว่ยปฏิเสธข้อกล่าวหาด้านความมั่นคงมาโดยตลอด และกล่าวว่า วอชิงตันไม่เคยแสดงหลักฐานสนับสนุนข้อกล่าวหาดังกล่าวเลย
