รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯในวันพฤหัสบดี(28พ.ย.) สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเดินทางไปเยี่ยมเหล่าทหารอเมริกาที่ประจำการอยู่ในอัฟกานิสถาน เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า พร้อมใช้โอกาสนี้แสดงความเชื่อมั่นว่าพวกตอลิบานจะตอบตกลงในข้อตกลงหยุดยิงในสงครามที่ยาวนานที่สุดของสหรัฐฯสมรภูมินี้
การเดินทางครั้งนี้ถือเป็นการเยือนอัฟกานิสถานหนแรกของทรัมป์นับตั้งแต่ที่เขาก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี และมีขึ้นราว 1 สัปดาห์ตามหลังการแลกเปลี่ยนนักโทษระหว่างวอชิงตันกับคาบูล ซึ่งช่วยเพิ่มความหวังต่อการรื้อฟื้นข้อตกลงสันติภาพ
"ตอลิบานต้องการทำข้อตกลงและเราจะประชุมกับพวกเขา" ทรัมป์บอกกับผู้สื่อข่าวหลังบินข้ามคืนจากสหรัฐฯเดินทางมาถึงอัฟกานิสถาน ในกำหนดการที่ถูกปิดเป็นความลับ อันเนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย "เราพูดว่ามันจำเป็นต้องมีข้อตกลงหยุดยิงและพวกเขาเคยบอกว่าไม่ต้องการข้อตกลงหยุดยิง แต่ตอนนี้พวกเขาบอกว่าต้องการหยุดยิง และผมเชื่อว่า บางทีแนวทางนั้นอาจได้ผล"
พวกผู้นำตอลิบานให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่าทางกลุ่มได้ประชุมร่วมกับเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯในกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ อีกครั้งนับตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว พร้อมเผยว่าอีกไม่นานพวกเขาอาจหวนคืนสู่การเจรจาสันติภาพอย่างเป็นทางการ
เครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันได้นำพาประธานาธิบดี และโรเบิร์ต โอไบรเอน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ, คณะผู้ช่วยกลุ่มเล็กๆ, เหล่าเจ้าหน้าที่สืบราชการลับและบรรดาผู้สื่อข่าว ลงจอดที่สนามบินบากรัมใกล้กรุงคาบูล
ทรัมป์ได้พบปะกับ อัชราฟ กานี ประธานาธิบดีอัฟกานิสถานและจัดไก่งวงเสิร์ฟให้เหล่าทหารสหรัฐฯบางส่วน ก่อนดินเนอร์วันขอบคุณพระเจ้าร่วมกับพวกเขา นอกจากนี้แล้วทรัมป์ยังได้พูดคุยและถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับเหล่ากำลังพลที่ประจำการอยู่ในอัฟกานิสถานด้วย "สิ่งที่พวกคุณทำนั้นยอดเยี่ยมมาก รู้สึกเป็นเกียรติที่ผมได้มาอยู่ที่นี่" ทรัมป์กล่าว
พล.อ.มาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่มารอต้อนรับทรัมป์ กล่าวเมื่อวันพุธ(27พ.ย.) โอกาสที่ผลลัพธ์ของการเจรจาสันติภาพเพื่อหยุดสงครามในอัฟกานิสถานที่ยืดเยื้อมานานกว่า 18 ปี จะประสบความสำเร็จนั้น มีสูงกว่าที่ผ่านๆมา และอาจเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้
ทรัมป์แสดงความประสงค์มาช้านาน หรือนับตั้งแต่วันที่เขาเสนอตัวลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีเลยก็ว่าได้ ว่าต้องการยุติความเกี่ยวข้องของสหรัฐฯในอัฟกานิสถาน เช่นเดียวกับความขัดแย้งที่ยืดเยื้ออื่นๆในต่างแดน พร้อมทั้งพยายามกดดันให้พันธมิตรจ่ายเงินค่าป้องกันตนเองมากขึ้น โดยเขาบอกว่ามันไม่สมเหตุสมผลที่ผู้เสียภาษีชาวสหรัฐฯต้องเป็นคนแบกภาระดังกล่าว
ปัจจุบันสหรัฐฯมีทหารประจำการในอัฟกานิสถาน 13,000 นาย เช่นเดียวกับกองกำลังนาโต้อีกหลายพันคน 18 ปีหลังจากกองกำลังที่นำโดยอเมริกายกพลรุกรานประเทศแห่งนี้ ตอบโต้โศกนาฏกรรม 11 กันยายน 2011 ที่พวกอัลกออิดะห์โจมตีสหรัฐฯ
ร่างข้อตกลงที่เห็นพ้องกันเมื่อเดือนกันยายน จะพบเห็นสหรัฐฯถอนกำลังพลราวๆ 5,000 นายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แลกกับคำรับประกันว่าอัฟกานิสถานจะไม่ถูกพวกนักรบกลุ่มต่างๆใช้เป็นฐานโจมตีสหรัฐฯและพันธมิตร
กองทัพสหรัฐฯบอกว่าพวกเขาจะปรับลดกำลังพลที่ประจำการในอัฟกานิสถานเหลือเพียงราวๆ 8,600 นาย ซึ่งจะดำเนินการภารกิจต่อต้านก่อการร้ายที่จำเป็นต่อไปในประเทศแห่งนี้ ดินแดนที่พวกอัลกออิดะห์และรัฐอิสลาม(ไอเอ) ยังคงเป็นภัยคุกคาม แม้หากว่าบรรลุข้อสันติภาพกับตอลิบานแล้วก็ตาม
ทรัมป์ยอมรับว่าจะมีการปรับลดกำลังพลสหรัฐฯอย่างมากในอัฟกานิสถาน แต่ไม่ได้ให้ตัวเลขอย่างเจาะจง "เราจะอยู่จนถึงเวลานั้น เวลาที่เราได้ข้อตกลงหรือเวลาที่เราได้รับชัยชนะโดยสิ้นเชิง และพวกเขาต้องการทำข้อตกลงอย่างที่สุด"