รอยเตอร์ - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศจะขึ้นบัญชีแก๊งค้ายาเสพติดเม็กซิโกเป็น ‘องค์กรก่อการร้าย’ เนื่องจากทั้งลักลอบขนยาเสพติดและพาคนเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ขณะที่รัฐบาลเม็กซิโกร้องขอเปิดเจรจาด้วยทันที
ในบทสัมภาษณ์ซึ่งออกอากาศเมื่อวานนี้ (26 พ.ย.) ทรัมป์ ได้บอกกับ บิล โอริลลี อดีตพิธีกรข่าวฟ็อกซ์นิวส์ว่า “พวกเขาจะถูกขึ้นบัญชี ผมเตรียมการไว้แล้วตลอด 90 วันที่ผ่านมา คุณก็ทราบว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ต้องมีกระบวนการ ซึ่งเราก็กำลังทำอยู่”
หลังจากนั้นไม่นานนัก กระทรวงการต่างประเทศเม็กซิโกได้ออกคำแถลงว่าจะขอเปิดเจรจาระดับสูงกับเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เกี่ยวกับประเด็นนี้ รวมถึงมาตรการสกัดกั้นอาวุธและแหล่งเงินทุนของแก๊งอาชญากร
“รัฐมนตรีต่างประเทศกำลังติดต่อไปยัง ไมเคิล อาร์. พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เพื่อหารือประเด็นสำคัญซึ่งถือเป็นเรื่องทวิภาคี” กระทรวงการต่างประเทศเม็กซิโก ระบุ
ทั้งนี้ กฎหมายอเมริกันห้ามมิให้พลเมืองในสหรัฐฯ สนับสนุนหรือช่วยเหลือองค์กรซึ่งถูกประกาศเป็น ‘กลุ่มก่อการร้าย’ อีกทั้งสมาชิกขององค์กรนั้นๆ ก็จะถูกห้ามเดินทางเข้าสหรัฐฯ หรือถูกเนรเทศ
สถาบันการเงินต่างๆ ที่มีเงินทุนซึ่งเชื่อมโยงถึงองค์กรก่อการร้ายจะต้องทำการอายัดเงินดังกล่าว และแจ้งต่อกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ทันที
มาร์เซโล เอบราร์ด รัฐมนตรีต่างประเทศเม็กซิโก ทวีตข้อความว่ารัฐบาลจังโก้จะไม่ยอมให้ผู้ใดกระทำการซึ่งเข้าข่ายละเมิดอธิปไตย
“เราจะสู้เต็มที่” เขากล่าว
เมื่อต้นเดือนนี้ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ยื่นข้อเสนอผ่านทวิตเตอร์ว่าจะช่วยเม็กซิโก “ทำสงครามกับแก๊งค้ายาเสพติด และกำจัดพวกเขาให้หมดไปจากโลก” หลังเกิดเหตุครอบครัวชาวอเมริกันนิกายมอร์มอนถูกบุกยิงและเผาย่างสดในเม็กซิโก ซึ่งถือเป็นอาชญากรรมต่อชาวอเมริกันครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายปี
หญิง 3 และเด็ก 6 คนซึ่งเป็นพลเมือง 2 สัญชาติถูกซุ่มโจมตีและสังหารอย่างโหดเหี้ยมทางตอนเหนือของเม็กซิโก โดยเจ้าหน้าที่เชื่อว่าพวกเขาอาจจะถูกทำร้ายเพราะเข้าใจผิด เนื่องจากกำลังมีการต่อสู้ระหว่างแก๊งค้ายาคู่อริในพื้นที่
อเล็กซ์ เลบารอน อดีตสมาชิกรัฐสภาเม็กซิโกซึ่งเป็นญาติกับผู้เสียชีวิต ออกมาปฏิเสธไอเดียของผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งเขาชี้ว่าเป็นการ “รุกราน” (invasion)
“เราถูกพวกแก๊งก่อการร้ายรุกรานมากพออยู่แล้ว... เราขอเรียกร้องให้ทั้ง 2 ชาติร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพราะทั้งสหรัฐฯ และเม็กซิโกต่างก็มีส่วนต้องรับผิดชอบกับปัญหายาเสพติด อาวุธ และเงินที่รุนแรงขึ้น”