มาร์เก็ตวอตช์/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันขยับลงในวันศุกร์ (22 พ.ย.) กังวลต่อแนวโน้มข้อพิพาททางการค้าจีนกับอเมริกา หลังประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ขู่ตอบโต้กลับเพื่อปกป้องผลประโยชน์ชาติ อย่างไรก็ตามวอลล์สตรีทปรับขึ้นและทองคำทรงตัว ได้ปัจจัยหนุนจากข้อมูลทางเศรษฐกิจอเมริกา
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 81 เซ็นต์ ปิดที่ 57.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ลอนดอนงวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 58 เซ็นต์ ปิดที่ 63.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ในช่วงต้นของการซื้อขายวันศุกร์ (22 พ.ย.) ตลาดน้ำมันได้แรงหนุนจากความคาดหมายว่าโอเปกและพันธมิตรจะตกลงขยายกรอบเวลาของมาตรการลดกำลังผลิต เมื่อครั้งพบปะหารือกันในเดือนหน้า
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บอกว่าตลาดน้ำมันแกว่งตัวสู่แดนลบ หลังจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน บอกว่าแม้เขาต้องการทำงานกับสหรัฐฯในข้อตกลงทางการค้า แต่ก็ไม่หวั่นกลัวที่จะสู้กลับเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของจีน
คำพูดดังกล่าวก่อความคลางแคลงใจต่อแนวโน้มในการบรรลุข้อตกลงยุติสงครามการค้าระหว่างสองชาติที่ยืดเยื้อมานานนับปี ขณะที่ข้อพิพาทดังกล่าวกัดเซาะการเติบโตทางเศรษฐกิจและบั่นทอนอุปสงค์ทางพลังงาน
กระนั้นก็ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันศุกร์ (22 พ.ย.) สามารถดีดตัวขึ้นไปปิดในแดนลบได้สำเร็จ โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลทางเศรษฐกิจภายในประเทศ
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 109.33 จุด (0.39 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 27,875.62 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 6.75 จุด (0.22 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,110.29 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 13.67 จุด (0.16 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 8,519.89 จุด
ในข้อมูลล่าสุดที่ตอกย้ำว่าเศรษฐกิจภายในของสหรัฐฯมีความยืดหยุ่นพอสมควร ทางไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตในเดือนพฤศจิกายน อยู่ที่ 52.2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน จากระดับ 51.3 ในเดือนตุลาคม
ขณะเดียวกัน ดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น อยู่ที่ 51.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน จากระดับ 50.6 ในเดือนตุลาคม
ข้อมูลทั้งภาคการผลิตและภาคบริการดังกล่าว ประกอบกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ผลักนักลงทุนเมินสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ ทำให้ราคาทองคำในวันศุกร์ (22 พ.ย.) ทรงตัว โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ คงที่ปิดที่ 1,463.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์