เอเอฟพี - ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ประกาศเดินหน้าเปิดระบบเศรษฐกิจ ชี้โลกต้อง “ทลายกำแพง” แทนการสร้างกำแพง ระหว่างพิธีเปิดมหกรรมการค้าประจำปี ท่ามกลางฉากหลังสงครามการค้ากับอเมริกาที่ยังคงคุกรุ่น นอกจากนี้ประมุขแดนมังกรยังเชื่อมั่นว่าจะมีการลงนามอาร์เซ็ปในเร็วๆ นี้
สีปราศรัยต่อหน้าผู้ฟังที่รวมถึงประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ในพิธีเปิดงานแสดงสินค้านำเข้าที่เซี่ยงไฮ้ ในวันอังคาร (5 พ.ย.) ซึ่งจีนจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเพื่อแสดงถึงความยินดีในการเปิดตลาดรับต่างชาติ ขณะที่มีเสียงวิจารณ์ว่าแดนมังกรยังคงปิดกั้นมากเกินไป
ผู้นำจีนกล่าวว่า ประชาคมโลกต้องเดินหน้าทลายกำแพงแทนการสร้างกำแพง ยืนหยัดต่อต้านลัทธิกีดกันการค้าและทำตามอำเภอใจฝ่ายเดียว รวมทั้งสานต่อการลดกำแพงภาษี อย่างไรก็ตาม คำปราศรัยดังกล่าวดูขาดความเฉพาะเจาะจง จึงไม่มีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนใจต่างชาติที่กล่าวหาว่าจีนใช้มาตรการกีดกันการค้าต่างๆ รวมทั้งไม่ปฏิรูปตามที่สัญญาไว้
ขณะที่จีนและอเมริกากำลังพยายามผ่าทางตันเพื่อบรรลุข้อตกลงการค้าขั้นต้นตามที่ประกาศไว้เมื่อเดือนที่แล้ว เห็นได้ชัดว่าสีหลีกเลี่ยงการพาดพิงถึงสงครามภาษีศุลกากรอย่างชัดเจน ซึ่งตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับการปราศรัยบนเวทีเดียวกันนี้เมื่อปีที่แล้ว ช่วงที่การเผชิญหน้าทางการค้ากับวอชิงตันตึงเครียดสุดขีด และประมุขแดนมังกรประณามคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในตอนนั้นว่า ใช้ลัทธิกีดกันการค้า พยายามโดดเดี่ยวคู่แข่ง และใช้กฎแห่งป่า (ผู้เข้มแข็งกัดกินผู้ที่อ่อนแอกว่าเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน) แม้ไม่ได้เอ่ยชื่ออเมริกาตรงๆ ก็ตาม
ทางด้านมาครงที่ขึ้นเวทีต่อจากสี เรียกร้องว่า สงครามการค้าอเมริกา-จีนมีแต่ทำให้เกิดผู้แพ้ อีกทั้งสร้างความกดดันต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก พร้อมแสดงความหวังว่า สองชาติมหาอำนาจเศรษฐกิจโลกจะบรรลุข้อตกลงกันได้ซึ่งจะช่วยปกป้องผลประโยชน์ของคู่ค้าอื่นๆ เช่น สหภาพยุโรป (อียู) ด้วยเช่นกัน
มาครงยังโจมตีการทำตามอำเภอใจฝ่ายเดียว การใช้มาตรการภาษีศุลกากรเป็นอาวุธ และแนวคิดในการอยู่รอดของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด โดยไม่ได้เอ่ยชื่อทรัมป์ ผู้นำแดนน้ำหอมระบุด้วยว่า การเปิดตลาดของจีนต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วและโปร่งใสมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีจีนยังแสดงความหวังว่า ข้อตกลงการค้าระดับภูมิภาคที่ปักกิ่งให้การสนับสนุนจะสามารถลงนามได้ในเร็วๆ นี้ หลังจากที่เมื่อวันจันทร์ (4 พ.ย.) อินเดียเพิ่งขอถอนตัวออกไปและส่งผลกระทบรุนแรงต่อความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) ระหว่างการประชุมสุดยอดที่ไทยเป็นเจ้าภาพ
อินเดียให้เหตุผลว่า กังวลเรื่องสินค้าราคาถูกจากจีนจะไหลท่วมตลาดภายใต้อาร์เซ็ป ซึ่งมีแนวโน้มครอบคลุมผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของโลก 30% และประชากรโลกครึ่งหนึ่ง โดยไม่มีอเมริการ่วมเป็นภาคี
สีเสริมว่า เจ้าหน้าที่จีนกำลังเร่งรัดเจรจาข้อตกลงการลงทุนกับอียู รวมทั้งข้อตกลงการค้ากับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ นอกจากนี้ผู้นำจีนยังย้ำคำสัญญาในการเปิดตลาดกว้างขึ้น ปกป้องสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา และปรับปรุงกรอบโครงกฎหมายสำหรับธุรกิจต่างชาติ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เริ่มปรากฏสัญญาณว่า ต่างชาติผิดหวังกับงานแสดงสินค้านำเข้าที่จีนโปรโมทว่า เป็นช่องทางนำบริษัทต่างชาติไปพบกับผู้ซื้อจีน โดยเมื่อวันจันทร์ สมาคมหอการค้ายุโรปในจีนเปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นที่พบว่า มีสมาชิกเพียง 50% เห็นว่าการร่วมนิทรรศการการค้าปีที่แล้วทำให้เกิดข้อตกลงทางธุรกิจ และมีแค่ 1 ใน 4 ที่บอกว่า ข้อตกลงเหล่านั้น “เป็นจริง”อย่างสมบูรณ์
สมาชิกบางรายรู้สึกว่า เป้าหมายของงานแสดงสินค้าคือเพื่อโปรโมท “เอกลักษณ์ที่ทำขึ้นแบบลวกๆ” เพื่อให้ดูเหมือนว่า งานประสบความสำเร็จ นอกจากนั้น ผลสำรวจที่สมาคมหอการค้าอเมริกาในเซี่ยงไฮ้จัดทำขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ยังพบว่า สมาชิกแค่ 10% มองการเข้าร่วมงานในปีนี้ว่า “สำคัญมาก” ขณะที่ 2 ใน 3 บอกว่า “ไม่สำคัญเลย”
โกลบัล ไทม์ แท็บลอยด์ของทางการจีน ตอบโต้คำวิจารณ์ดังกล่าวว่า สาเหตุที่บริษัทต่างชาติได้ออร์เดอร์น้อยเป็นเพราะสินค้าที่ผลิตในจีนมีคุณภาพมากขึ้น