เอเจนซีส์ – รายงานผลชันสูตรศพเศรษฐีวอลสตรีทที่อื้อฉาว เจฟฟรีย์ เอ็พสตีน ที่ทางผู้เชี่ยวชาญ ดร. ไมเคิล บาเดน(Dr Michael Baden)ระบุว่าจากสภาพกระดูกคอที่พบน่าจะเกิดมาจากการถูกรัดคอด้วยเหตุฆาตกรรมไม่ใช่การทำ “อัตวินิบาตกรรม” อย่างที่เชื่อ แต่สำนักงานชันสูตรนิวยอร์กยังคงยืนยันว่าเป็นการฆ่าตัวตายไม่เปลี่ยน
เดลีเมล สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(30 ต.ค)ว่า ในการให้สัมภาษณ์กับรายการข่าวยามเช้า ฟ็อกส์แอนด์เฟรนด์ (Fox and Friends)ในวันพุธ(30) ผู้เชี่ยวชาญทางนิติวิทยาศาสตร์ ดร. ไมเคิล บาเดน(Dr Michael Baden) วัย 85 ปี กล่าวว่า จากสภาพของ เจฟฟรีย์ เอ็พสตีน ที่มีกระดูกหัก 2 แห่ง ซึ่งแห่งแห่งอยู่ด้านซ้าย และแห่งที่ 2 อยู่ด้านขวาของกล่องเสียง(larynx) บริเวณลูกกระเดือก
นอกจากนี้เขายังอธิบายว่า อดีตผู้ต้องหาล่วงละเมิดทางเพศเด็กรายนี้มีกระดูกหักที่ด้านซ้ายของกระดูกคอที่เรียกว่ากระดูกไฮออยด์(hyoid bone)ที่ช่วยในการเปล่งเสียง ซึ่งอยู่เหนือลูกกระดูก
ทำให้ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ลักษณะการหักหรือแตกเช่นนี้พบได้ยากในการทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการแขวนคอตาย แต่เป็นลักษณะที่ถูกพบได้มากในเหตุฆาตกรรมรัดคอเสียชีวิต
“การแตกหักของกระดูกทั้ง 3 แห่งที่พบนั้นเป็นเรื่องที่ผิดปกติเป็นอย่างมากในเคสการทำอัตวินิบาตกรรม แต่มีความสอดคล้องมากกว่าในเหตุฆาตกรรมจากการรัดคอ” บาเดนเสริมว่า สิ่งบ่งบอกชี้ไปถึงความน่าจะเป็นของการฆาตกรรมถูกพบตั้งแต่วันแรกของการชันสูตร
เดลีเมลรายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญรายนี้ได้ทำงานเกี่ยวข้องในคดีที่มีชื่อเสียง เป็นต้นว่า คดีโอเจ ซิมป์สัน อดีตประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี
อย่างไรก็ตามในวันเดียวกันนั้น(30) หัวหน้าสำนักงานชันสูตรนิวยอร์ก ดร.บาร์บารา แซมป์สัน( Dr. Barbara Sampson) ยังคงกล่าวยืนยันในผลสรุปการชันสูตรของสำนักงานที่ระบุว่า การเสียชีวิตของเอ็พสตีนในเรือนจำแมนแฮตตันเมื่อเดือนสิงหาคมนั้น “เป็นการฆ่าตัวตาย” ไม่เปลี่ยน