เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอตช์ - ราคาน้ำมันขยับขึ้นในวันจันทร์ (6ส.ค.) หลังสหรัฐฯ เตรียมกลับมาคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่เริ่มตั้งแต่วันอังคาร (7) เป็นต้นไป ก่อความกังวลกระทบอุปทานพลังงาน ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวก จากแรงหนุนกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ทองคำปรับลด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 52 เซ็นต์ ปิดที่ 69.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 54 เซ็นต์ ปิดที่ 73.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯในวันจันทร์ ประกาศจะกลับมาคว่ำบาตรอิหร่านอีกรอบ หลังจากเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้ถอนสหรัฐฯ พ้นจากข้อตกลงนานาชาติปี 2015 ในการยับยั้งโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน
ตลาดคาดหมายว่ามาตรการคว่ำบาตร ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้บางส่วนนับตั้งแต่เที่ยงคืนวันอังคารเป็นต้นไป และอื่นๆ จะบังคับใช้ในอีก 3 เดือนข้างหน้า อาจปิดกั้นการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่ามากกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ปัจจัยนี้กระพือความกังวลทางอุปทาน
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันจันทร์ (6 ส.ค.) แกว่งตัวปิดในแดนบวก แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยีช่วยกลบความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้า
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 39.60 จุด (0.16 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 25,502.18 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 10.05 จุด (0.35 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,850.40 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 47.66 จุด (0.61 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 7,859.68 จุด
พวกนักวิคราะห์อ้างรายงานผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ในไตรมาส 2 ในฐานะปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้น ด้วยเท่าที่เผยแพร่รายงานจนถึงตอนนี้ พบว่าบริษัททั้งหลายในเอสแอนด์พี 500 มีกำไรเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 24%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งปรับตัวลงเมื่อช่วงต้นเดือน กลับมาเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งนับตั้งแต่แอปเปิลและบริษัทอื่นๆ เผยแพร่รายงานผลประกอบการอันสดใสออกมา
ราคาทองคำปิดลบในวันจันทร์ (6 ส.ค.) หลังดอลลาร์แข็งค่าขึ้น โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 5.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,217.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์