น้ำมันขึ้นกังวลแนวโน้มอุปทานโลก หุ้นสหรัฐฯ ร่วง-ทองลง

รอยเตอร์/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันขยับขึ้นในวันจันทร์ (30 ก.ค.) นักลงทุนกังวลแนวโน้มอุุปทานโลกตึงตัว ส่วนวอลล์สตรีทดิ่งตามแรงฉุดกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ทองคำปรับลด 3 วันติด

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 1.44 ดอลลาร์ ปิดที่ 70.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 68 เซ็นต์ ปิดที่ 74.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ตลาดน้ำมันปิดบวกแม้ผลสำรวจของรอยเตอร์พบว่ากำลังผลิตของโอเปกเพิ่มขึ้น 70,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนกรกฎาคม เป็น 32.64 ล้านบาร์เรล สูงสุดในรอบปี 2018

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันถูกกดดันจากแนวโน้มอุปทานตึงตัว ด้วยคลังน้ำมันสำรองโลกลดลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปี 2017 เช่นเดียวกับคลังปิโตรเลียมสำรองของสหรัฐฯ ที่แตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (30 ก.ค.) ขยับลง โดยแนสแดคปิดลบ 3 วันติด จากความกังวลต่อภาวะเติบโตชะลอตัวในภาคเทคโนโลยี

ดาวโจนส์ ลดลง 144.23 จุด (0.57 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 25,306.83 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 16.22 จุด (0.58 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,802.60 จุด แนสแดค ลดลง 107.42 จุด (1.39 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 7,630.00 จุด

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีแกว่งตัวลงต่อเนื่อง นับตั้งแต่เฟซบุ๊กส่งสัญญาณเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่ามีอัตราการเติบโตชะลอตัวลง ในขณะที่ต้องใช้จ่ายมากขึ้นในด้านการรักษาความปลอดภัยข้อมูล ตอบสนองต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัท

ส่วนราคาทองคำในวันจันทร์ (30 ก.ค.) ปิดลบ 3 วันติด หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวขึ้น ก่อนการประชุมเฟด โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 1.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,231.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์