น้องชายเหยื่อ “โนวิช็อก” เผยสารทำลายประสาทอยู่ในขวดน้ำหอม

เอเอฟพี - ชายชาวอังกฤษที่สัมผัสกับโนวิช็อก 4 เดือนหลังจากสารทำลายประสาทชนิดนี้ถูกใช้กับอดีตสายลับรัสเซีย คิดว่าสารพิษตัวนี้อยู่ในขวดน้ำหอม น้องชายของเขากล่าว

แมทธิว โรวลีย์ บอกกับบีบีซีนิวส์ว่า พี่ชายของเขา ชาร์ลี วัย 45 ปี ซึ่งมีสติแต่ยังคงป่วยหนักอยู่ในโรงพยาบาล บอกกับเขาว่า เขาเก็บขวดน้ำหอมขวดดังกล่าวมา

หลังได้รับการติดต่อจากเอเอฟพี ตำรวจปฏิเสธที่จะยืนยันคำอ้างดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ ตำรวจกล่าวว่า พวกเขาพบสารทำลายประสาทสมัยโซเวียตใน “ขวดเล็กๆ” ในบ้านของ ชาร์ลี โรวลีย์ ใกล้เมืองซอลส์บรีในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ

โรวลีย์ล้มป่วยเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากภรรยาของเขาวัย 44 ปี ดอว์น สเตอร์เจส ล้มหมดสติภายหลังสัมผัสสารทำลายประสาทชนิดเดียวกัน สเตอร์เจสเสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม

ตำรวจ กล่าวว่า ทั้งสองคนสัมผัสสารดังกล่าวในปริมาณมากและถือวัตถุปนเปื้อน

ก่อนหน้านี้ จอห์น เกล็น สมาชิกรัฐสภาท้องถิ่นบอกกับสถานีวิทยุบีบีซีว่า ทั้งสองคนอาจพบวัตถุดังกล่าวเข้าโดยบังเอิญเนื่องจากติดนิสัยชอบค้นถังขยะ สเตอร์เจสอาศัยอยู่ในหอพักคนไร้บ้านในเมืองนี้

อดีตสายลับสองหน้าชาวรัสเซีย เซอร์เกย์ สกริปัล และลูกสาวของเขา ยูเลีย หมดสติในซอลส์บรีเมื่อวันที่ 4 มีนาคมหลังจากสัมผัสกับโนวิช็อก ทั้งคู่หายดีเป็นปกติแล้ว

อังกฤษกล่าวโทษรัสเซียเรื่องการทำร้ายสกริปัล อดีตนายพันในหน่วยข่าวกรองทางทหารที่เคยถูกจำคุกฐานขายรายชื่อสายลับรัสเซียให้กับหน่วยข่าวกรอง MI6 ของอังกฤษ เขาออกจากรัสเซียไปอยู่อังกฤษภายใต้ข้อตกลงแลกสายลับปี 2010

รัสเซียปฏิเสธว่าไม่ได้วางยาพิษสกริปัล ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางการทูตที่นำไปสู่การขับไล่นักการทูตตอบโต้กันระหว่างอังกฤษและพันธมิตรและรัสเซีย

ตำรวจไม่สามารถพิสูจน์ว่า สารโนวิช็อกที่โรวลีย์และสเตอร์เจสสัมผัสมาจากขวดเดียวกับที่ใช้กับสกริปัลหรือไม่ แต่ระบุว่า การหาความเชื่อมโยงเป็นแนวทางหลักในการสืบสวนของพวกเขา

ลูกชายของสเตอร์เจส อีวาน โฮป วัย 19 ปี เรียกร้องให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ยกเรื่องการเสียชีวิตของแม่เขาขึ้นพูดคุยในการประชุมซัมมิตกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียในวันนี้ (16)

“ผมไม่ได้มีมุมมองทางการเมืองเดียวกับ โดนัลด์ ทรัมป์ และผมไม่มีวันจะเป็นผู้สนับสนุนเขา แต่ผมอยากให้เขาคุยเรื่องแม่ผมกับประธานาธิบดีรัสเซีย” เขาบอกกับ ซันเดย์ มิลเลอร์

“เราต้องการให้แม่ของผมได้รับความยุติธรรม” เขากล่าว