เอเจนซีส์ – ตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดในเวลา 12.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นญี่ปุ่นวันนี้( 9 ก.ค)อยู่ที่ 112 ราย และสูญหาย 80 ราย เนื่องมาจากโคลนถล่มและน้ำท่วมฉับพลัน หลังฝนตกหนักไปทั่วทั้งภาคตะวันตกของญี่ปุ่น ในขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยทำงานอย่างหนักเพื่อตามหาบุคคลสูญหาย ส่วนประชาชนอีก 23,000 คนถูกอพยพอยู่ในศูนย์ในวันนี้ ผู้นำญี่ปุ่นเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่กู้ภัยร่วม 73,000 นาย ค่ายรถยักษ์ใหญ่ไม่ว่าจะเป็นมาสดา ไดฮัทสุ และโตโยต้าสั่งหยุดการผลิตชั่วคราวในพื้นที่ได้รับผลกระทบ
หนังสือพิมพ์ไมนิจิ ชิมบุน(Mainichi Shimboon) รายงานล่าสุดวันนี้(9 ก.ค)ว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 112 ราย จากก่อนหน้า 105 ราย แต่ตัวเลขผู้สูญหายลดลงเหลทอ 80 รายจากแต่เดิม 87 ราย ซึ่งในเช้าวันจันทร์(9) พบมีผู้อพยพอาศัยอยู่ในศูนย์จำนวน 23,000 คน
ในขณะที่นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะได้กล่าวในที่ประชุมหน่วยตอบโต้ภัยพิบัติที่ตั้งขึ้นมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2016 ว่า ได้มีการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่กู้ภัย เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ตำรวจ และกองกำลังป้องกันตัวเองญี่ปุ่นที่ 73,000 นาย ส่วนเมืองที่ได้รับผลกระทบจะได้รับการเยียวยา
นอกจากนี้ยังพบว่าผู้นำญี่ปุ่นได้ยกเลิกการเดินทางเยือนยุโรปและตะวันออกกลางที่จะเริ่มขึ้นในวันพุธ(11)เพื่อที่จะเฝ้าติดตามสถานการณ์วิกฤตภัยพิบัติในประเทศ
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยและเจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาต่างออกมาเตือนว่า อาจจะมีความเสียหายเพิ่มขึ้นผลจากโคลนถล่มและน้ำท่วมฉับพลัน ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีการยกเลิกการประกาศเตือนภัยโดยสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นในคืนวันอาทิตย์(8) ที่ออกมาตั้งแต่วันศุกร์(6)ที่ผ่านมาครอบคลุม 8 จังหวัดจากทั้งหมด 11 จังหวัด
ในช่วงเช้าวันจันทร์(9)เขตมาบิโช(Mabicho) จ.โิอคายามา พบว่าผู้ป่วยทั้งหมดและเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลในเขตนี้ต้องถูกอพยพออกมาทั้งหมด ส่วน 1 ใน 3 ของพื้นที่หรือราว 1,200 เฮกเตอร์จมอยู่ใต้น้ำ บ้าน 4,300 หลังถูกน้ำท่วม ส่งผลทำให้มีชาวเมืองร่วม 3,000 - 5,000 คนพลัดถิ่น
ส่วนจ.ฮิโรชิมาถือเป็นจุดที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในเหตุฝนพันปีถล่มทางภาคตะวันตกของญี่ปุ่น ด้วยยอดเสียชีวิตสูงถึง 43 ราย ตามมาด้วยจำนวนผู้เสียชีวิต 23 รายในจ.เอฮิเมะ(Ehime) บนเกาะชิโกกุที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศ ส่วนจ.โอกายามา (Okayama) มีผู้เสียชีวิต 22 ราย ส่วนเมืองเกียวโตมีผู้เสียชีวิต 4 ราย จ.ยามากุจิ มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ส่วนอีก 3 จังหวัดได้แก่ จ.เฮียวโงะ(Hyogo) จ.ฟูกุโอกะ และจ.คาโกชิมา มีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นจังหวัดละ 2 ราย สื่อญี่ปุ่นรายงาน
อ้างอิงจากสำนักงานจัดการภัยพิบัติและดับเพลิงญี่ปุ่น เป็นครั้งแรกในรอบ 35 ปีของญี่ปุ่นที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนไม่ต่ำกว่า 100 คนจากเหตุฝนตกหนักต่อเนื่องที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งพบว่าในเดือนกรกฎาคาปี 1983 มีชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตไป 112 คนจากฝนที่ตกหนักในจ.ชิมาเนะและจังหวัดอื่นๆ
นอกจากนี้สำหรับจ.ฮิโรชิมาแค่จังหวัดเดียวแต่กลับมีผู้สูญหายจำนวนถึง 48 ราย และเป็นพื้นที่เป้าหมายในปฎิบัติการค้นหาและกู้ภัยในเวลานี้ ส่วนจำนวนผู้สูญหายของจ.โอคายามาอยู่ที่ 30 ราย ส่วนจ.เอฮิเมะมีผู้ยังคงสูญหายอีก 3 คน ไมนิจิ ชิมบุนชี้
ในพื้นที่มาบิ(Mabi)ของเมืองคูราชิกิ(Kurashiki) จ.โอกายามา พบว่าพื้นที่ราว 12 ตารางกิโลเมตร หรือ 27% ของพื้นที่ถูกน้ำท่วมหลังจากระดับน้ำในแม่น้ำโอดางาวะ( Odagawa )ล้นตลิ่งออกมา
ซึ่งมาถึงเวลานี้พบว่าทางกู้ภัยสามารถนำร่างผู้เสียชีวิตจำนวน 17 คนรวมไปถึงกลุ่มผู้สูงอายุออกมาจากบ้านเรือนและที่อื่นๆได้สำเร็จ นอกเหนือไปจากอีก 24 รายที่ยังคงสูญหาย
ในเช้าวันนี้(9) พบว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยและกองกำลังปกป้องตัวเองญี่ปุ่นสามารถช่วยเหลือประชาชนที่ติดอยู่ในเขตน้ำท่วมได้มากถึง 2,400 คน และพบว่ามีผู้ป่วยและประชาชนราว 300 คนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและทุกคนสามารถถูกช่วยได้อย่างปลอดภัย
หนังสือพิมพ์ไมนิจิ ชิมบุนรายงานว่า มวลก้อนน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในเขตนั้นพบว่าสูงถึง 24 ล้านลูกบาศก์เมตร มากพอที่จะบรรจุลงในสนามกีฬาโตเกียวโดมได้หมด โดยกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน คมนาคม และการท่องเที่ยวญี่ปุ่นได้ส่งรถบรรทุกปั้มน้ำเพื่อเริ่มต้นระบายน้ำออกที่เชื่อว่ากว่าน้ำจะแห้งต้องใช้เวลาร่วม 2 สัปดาห์
และทางกระทรวงยังรายงานยืนยันว่า มีดินถล่มเกิดขึ้นอย่างน้อย 238 จุดใน 28 จังหวัด และเกิดน้ำท่วมฉับพลันมากกว่า 200 จุด
ในเมืองฮิโรชิมาซึ่งเป็นอีกพื้นที่ซึ่งได้รับความเสียหายมากที่สุด พบว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงออกทำงานในวันนี้(9) รวมไปถึงอพาทเมนต์ยูเมโกะ(Umego) ในอากิ วาร์ด(Aki Ward) ซึ่งเป็นจุดที่โคลนสร้างความเสียหายพื้นที่ รวมไปถึงอาคารอื่นๆใน ด้านเมืองคูมาโน( Kumano) จ. ฮิโรชิมา พบมีผู้ถูกยืนยันการเสียชีวิต 1 ราย และสูญหาย 12 ราย
สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า JMA ได้ออกมาคำเตือนฉุกเฉินถึงวิกฤตฝนตกหนักใน จ.เอฮิเมะและจ.โคชิ บนเกาะชิโกกุ ซึ่งในเมืองอุวาจิเมะ( Uwajima) จ.เอฮิเมะ ดินถล่มทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย รวมเด็กชายชั้นปะถม 1 ราย และมีผูสูญหาย 1 ราย
นอกจากนี้ยังพบว่าความเสียหายยังคงเกิดขึ้นที่จ.คิวชู ที่โมจิ วาร์ด(Moji Ward)ในเมืองคิตะคิวชู(Kitakyushu)ทางเหนือของเกาะ พบว่า โคลนถล่มได้หอบเอาบ้านของคู่สามีภรรยาชราไป โดยพบว่าส่วนสามีวัย 68 ปีถูกประกาศยืนยันเสียชีวิตในวันอาทิตย์(8) ส่วนที่ดูเหมือนภรรยาถูกพบว่าป่วยด้วยโรคหัวใจนิวโมเนีย( cardio-pneumonic arrest) ในเช้าวันจันทร์(9)
ส่วนเมืองคาโงชิมะ บนเกาะคิวชู คู่สามีภรรยาสูงวัยถูกพบเป็นศพใกล้กับบ้านที่ถูกดินถล่ม
ในขณะที่ชายวัย 60 ปีเสียชีวิตภายในรถยนต์ขนาดเล็กที่หงายท้องในคูน้ำที่แห้งที่เมืองเซกิ(Seki) จ.ชิงะ(Shiga)ทางภาคกลางของประเทศ
อ้างอิงจากสำนักงานจัดการภัยพิบัติและดับเพลิงญี่ปุ่น ในเวลา 06.30 น. ของเช้าวันนี้(9) มีรายงานการพบบ้านถูกทำลายจากภัยฝนตกต่อเนื่องและภัยพิบัติธรรมชาติที่เกี่ยวข้องเกิดขึ้นใน 31 จังหวัด ซึ่งบ้านถึง 38 หลังถูกพังให้ราบ ส่วนอีก 21 หลังมีความเสียหายเป็นบางส่วน และ 1,930 หลังถูกน้ำท่วม
หนังสือพิมพ์ญี่ปุ่นชี้ว่า บริษัทเอกชนญี่ปุ่นได้รับผลกระทบจากวิกฤตภัยธรรมชาติครั้งนี้ได้แก่ บรรดาบริษัทผู้ผลิตรถต่างๆ เป็นต้นว่า บริษัทมาสดา มอเตอร์ คอร์ป บริษัทไดฮัทสุ มอเตอร์ โค. หน่วนการผลิตยานยนต์ขนาดเล็กของบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ซึ่งต่างหยุดการผลิตชั่วคราวในโรงงานที่เกียวโต ฮิโรชิมา และยามางุจิ
