รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว จอห์น โบลตัน กล่าวในวันอาทิตย์ (1 ก.ค.) ว่า เขาเชื่อว่าโครงการอาวุธร้ายแรงอันใหญ่โตมหึมาของเกาหลีเหนือ สามารถที่จะทำลายให้หมดสิ้นได้ภายในเวลาเพียง 1 ปี ถึงแม้ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่ากระบวนการดำเนินการให้เสร็จสมบูรณ์จริงๆ จะต้องใช้ระยะยาวนานกว่านั้นมาก
โบลตันบอกในรายการ “เฟซ เดอะ เนชั่น” ของเครือข่ายทีวีซีบีเอสว่า วอชิงตันได้จัดทำโปรแกรมในการทำลายอาวุธอานุภาพทำลายล้างร้ายแรง (weapons of mass destruction) ของโสมแดง ไม่ว่าจะเป็นอาวุธเคมี, อาวุธชีวภาพ, หรืออาวุธนิวเคลียร์ ตลอดจนโครงการขีปนาวุธนำวิถีด้วย ภายในระยะเวลา 1 ปี ถ้าหากเปียงยางให้ความร่วมมือและเปิดเผยข้อมูลอย่างเต็มที่
“หากพวกเขามีการตัดสินใจทางยุทธศาสตร์ที่จะทำเช่นนั้นอยู่แล้ว และพวกเขาให้ความร่วมมือ เราก็จะสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างรวดเร็วมาก” เขากล่าว “ในทางกายภาพนั้น เราจะสามารถทำลายพวกโครงการอันใหญ่โตมโหฬารเหลือเกินเหล่านี้ของพวกเขาได้ภายใน 1 ปี”
เขาบอกว่า รัฐมนตรีต่างประเทศ ไมค์ พอมเพโอ ของสหรัฐฯ น่าที่จะเจรจาหารือข้อเสนอนี้กับฝ่ายเกาหลีเหนือในเร็วๆ นี้ หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์นั้นรายงานเอาไว้ว่า พอมเพโอมีกำหนดจะเดินทางไปเยือนเกาหลีเหนือในสัปดาห์นี้ แต่กระทรวงการต่างประเทศอเมริกันยังไม่ได้ยืนยันแผนการเดินทางใดๆ ของเจ้ากระทรวงผู้นี้
ทางด้านซีกฟรีด เฮกเคอร์ นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์และศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ซึ่งเคยไปเยือนจุดหัวใจของโครงการนิวเคลียร์เกาหลีเหนือที่ ยอง-บยอน เมื่อปี 2010 มาแล้ว กล่าวคาดการณ์เอาไว้ว่าคงจะต้องใช้เวลาราว 10 ปีทีเดียวในการทำลายและสะสางทำความสะอาดส่วนสาระสำคัญของสถานที่แห่งนั้น
ขณะที่สื่อเกาหลีใต้รายงานในวันอาทิตย์ (1) ว่า ซุง คิม เอกอัครราชทูตอเมริกันประจำฟิลิปปินส์ ซึ่งเข้าทำหน้าที่เป็นผู้แทนของสหรัฐฯ ได้พบปะหารือกับพวกเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือตรงบริเวณชายแดนในวันเดียวกันนั้น เพื่อประสานงานเกี่ยวกับกำหนดการที่พอมเพโอจะไปเยือนโสมแดงคราวต่อไป
ฝ่ายข่าวกรองของสหรัฐฯ นั้นไม่แน่ใจว่าเกาหลีเหนือมีหัวรบนิวเคลียร์อยู่ในครอบครองเป็นจำนวนเท่าใด สำนักงานข่าวกรองกลาโหมสหรัฐฯ เป็นผู้ที่ประเมินเอาไว้สูงที่สุดคือราวๆ 50 หัวรบ ทว่าพวกหน่วยข่าวกรองทั้งหมดเชื่อว่าเปียงยางยังคงปกปิดเอาไว้จนไม่เป็นที่ทราบกันอยู่จำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีที่มีขนาดเล็ก ด้วยการซุกซ่อนไว้ตามถ้ำตลอดจนสถานที่จัดเก็บใต้ดินแห่งอื่นๆ ทั่วประเทศ
ข้อตกลงที่ไม่มีรายละเอียด
เกาหลีเหนือตกลงในระหว่างการประชุมซัมมิต ที่สิงคโปร์ ที่จะ “ดำเนินการเพื่อไปสู่การปลดอาวุธนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลี” ทว่าในคำแถลงร่วมซึ่งลงนามโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กับ คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ในวันที่ 12 มิถุนายนคราวนี้ ไม่ได้มีรายละเอียดทั้งในเรื่องวิธีการหรือช่วงเวลาที่เปียงยางจะทำลายอาวุธนิวเคลียร์ของตน
พวกหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯเชื่อว่า เกาหลีเหนือได้เพิ่มการผลิตเชื้อเพลิงสำหรับทำอาวุธนิวเคลียร์ ณ สถานที่ปิดลับแห่งต่างๆ ในช่วงไม่กี่เดือนหลังๆ มานี้ และอาจพยายามซุกซ่อนวัสดุเหล่านี้เอาไว้ ขณะแสวงหาทางได้รับการผ่อนปรนอ่อนข้อ ในการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ ทั้งนี้ตามข่าวของทีวีเอ็นบีซีนิวส์ ซึ่งอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯหลายรายเมื่อวันศุกร์ (29 มิ.ย.)
สำหรับหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานไว้ในวันเสาร์ (30) ว่า พวกเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯมีข้อสรุปว่า เกาหลีเหนือไม่ได้มีความตั้งใจที่จะยกเลิกคลังแสงนิวเคลียร์ของตนเองทั้งหมด และกำลังพิจารณาหาวิธีในการซุกซ่อนอาวุธที่ตนมีอยู่เอาไว้จำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่เหล่านี้ยังรายงานว่าเปียงยางมีสถานที่ผลิตแบบปิดลับอยู่หลายแห่ง ทั้งนี้ตามหลักฐานล่าสุดที่พวกเขามีอยู่
ระหว่างให้สัมภาษณ์ในรายการของซีบีเอสวันอาทิตย์ โบลตันปฏิเสธที่จะออกความเห็นในเรื่องเกี่ยวกับข้อมูลข่าวกรอง แต่กล่าวว่าสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่การเจรจาเรื่องนิวเคลียร์ โดยที่ตระหนักดีว่าในอดีตที่ผ่านมานั้นเปียงยางล้มเหลวไม่ได้ทำตามคำมั่นสัญญาของพวกเขา
“เราทราบเป็นอย่างดีว่ามีความเสี่ยงอะไรบ้าง นั่นคือพวกเขากำลังใช้การเจรจาเพื่อดึงลากระยะเวลาที่พวกเขายังคงมีโครงการอาวุธนิวเคลียร์, เคมี, ชีวภาพ ตลอดจนขีปนาวุธนำวิถี ให้ยืดยาวออกไป” เขากล่าว
“ในกลุ่มที่กำลังทำเรื่องนี้ (เจ้าหน้าที่อเมริกันที่เจรจาเรื่องนี้กับเกาหลีเหนือ) ไม่มีใครหรอกที่มีความคิดเพ้อฝัน” เขาบอก “เราตระหนักเป็นอย่างดีถึงสิ่งที่ฝ่ายเกาหลีเหนือเคยทำมาในอดีต”
ขณะที่ ซูซาน คอลลินส์ วุฒิสมาชิกของพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า รายงานของวอชิงตันโพสต์นี้ทำให้รู้สึกแย่มาก “เกาหลีเหนือมีประวัติศาสตร์ยาวนานในการโกหกหลอกลวงเมื่อทำข้อตกลงต่างๆ กับคณะบริหาร (ของสหรัฐฯ) ชุดที่ผ่านๆ มา” เธอพูดทางรายการ “สเตท ออฟ เดอะ ยูเนียน” ของโทรทัศน์ข่าวซีเอ็นเอ็น คอลลินส์ยังย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องมี “การตรวจสอบซึ่งสามารถพิสูจน์, ไม่มีข้อจำกัด และเชื่อถือได้” ต่อโครงการอาวุธต่างๆ ของโสมแดง
สำหรับ ลินด์ซีย์ เกรแฮม วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ อีกคนหนึ่งในพรรครีพับลิกันเช่นเดียวกับทรัมป์ แสดงความเห็นด้วยว่าจำเป็นที่จะต้องระแวงสงสัยโสมแดงเอาไว้ โดยกล่าวทางรายการ “มีต เดอะ เพรสส์” ของเครือข่ายทีวีเอ็นบีซีว่า “ถ้ามันเป็นความจริงที่ว่าพวกเขากำลังพูดอย่างหนึ่งแต่ทำอีกอย่างหนึ่งแล้ว เรื่องนี้ก็ไม่น่าที่จะทำให้ใครประหลาดใจอะไรหรอก”